เจีย ค็อบบ์ ผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐฯ ในวอชิงตัน มีคำตัดสินให้ระงับคำสั่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะถอดถอนลิซา คุก ออกจากตำแหน่งสมาชิกคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งจะเปิดทางให้คุกสามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ในขณะที่เธอกำลังต่อสู้ทางกฎหมายเพื่อขัดขวางความพยายามของปธน.ทรัมป์ที่สั่งปลดเธอในข้อกล่าวหาฉ้อโกง
ผู้พิพากษาค็อบบ์ได้อนุมัติคำร้องของคุกที่ต้องการปฏิบัติหน้าที่ต่อไปในตอนนี้ ซึ่งคำตัดสินนี้หมายความว่าเธอจะสามารถเข้าร่วมการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 16-17 ก.ย. เพื่อลงคะแนนเสียงว่าเธอเห็นสมควรที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้หรือไม่ และถือเป็นชัยชนะเบื้องต้นสำหรับคุก
ปธน.ทรัมป์ได้สั่งปลดคุกออกจากตำแหน่ง หลังจากบิล พูลที ผู้อำนวยการสำนักงานการเงินเพื่อการเคหะของรัฐบาลสหรัฐ (FHFA) เปิดเผยว่า คุกได้กู้เงินจาก FHFA เพื่อซื้อบ้านในรัฐมิชิแกน โดยระบุว่าเป็นที่อยู่อาศัยหลัก แต่ต่อมาคุกได้กู้เงินอีกครั้งหนึ่งเพื่อซื้อคอนโดมิเนียมในแอตแลนตา และแจ้งว่าเป็นที่อยู่อาศัยหลักเช่นกัน ซึ่งพูลทีระบุว่า คุกให้ข้อมูลเท็จเพื่อแสวงหาประโยชน์จากสิทธิพิเศษจากอัตราดอกเบี้ยที่ FHFA มอบให้สำหรับที่อยู่อาศัยหลักเพียงแห่งเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ดี ผู้พิพากษาค็อบบ์มีคำวินิจฉัยว่า การประพฤติมิชอบเกี่ยวกับการจำนองตามที่ถูกกล่าวหานั้น ไม่น่าจะเป็นเหตุอันควรในการปลดเธอออกจากตำแหน่งได้ภายใต้กฎหมาย Federal Reserve Act และวิธีที่เธอถูกปลดออกจากตำแหน่งนั้นน่าจะเป็นการละเมิดสิทธิของเธอในกระบวนการยุติธรรมอันชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ
แอ็บบี โลเวลล์ ทนายความของคุก กล่าวในแถลงการณ์ว่า คำตัดสินของผู้พิพากษาค็อบบ์ถือเป็นการยืนยันว่า เฟดควรมีความเป็นอิสระจากการถูกแทรกแซงทางการเมือง
"การปล่อยให้ประธานาธิบดีถอดถอนผู้ว่าการคุกอย่างไม่ชอบด้วยกฎหมาย ด้วยข้อกล่าวหาที่ไม่มีหลักฐานและคลุมเครือ จะเป็นอันตรายต่อเสถียรภาพของระบบการเงินและบ่อนทำลายหลักนิติธรรมของเรา" โลเวลล์กล่าวโฆษกเฟดได้ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นในเรื่องนี้ ขณะที่กระทรวงยุติธรรมระบุว่า ทางกระทรวงจะไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคดีความที่กำลังดำเนินอยู่หรือที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงเรื่องที่อาจอยู่ระหว่างการสอบสวน
อย่างไรก็ดี มีการคาดการณ์ว่ากระทรวงยุติธรรมจะยื่นอุทธรณ์คำตัดสินของผู้พิพากษาค็อบบ์ในไม่ช้านี้ และท้ายที่สุดศาลสูงสุดของสหรัฐฯ อาจเป็นผู้ตัดสินขั้นสุดท้าย