ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เสนอให้แรงงานเกาหลีใต้หลายร้อยคนที่ถูกจับกุมสามารถอยู่ทำงานในสหรัฐฯ ต่อไปได้ เพื่อฝึกอบรมแรงงานชาวอเมริกัน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้เปิดเผยว่ามีเพียงหนึ่งคนเท่านั้นที่ตัดสินใจอยู่ต่อ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ ได้เปิดปฏิบัติการบุกเข้าจับกุมแรงงานชาวเกาหลีใต้ราว 300 คน และแรงงานชาติอื่นอีก 175 คน ที่ไซต์ก่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าในรัฐจอร์เจีย ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนมูลค่า 4.3 พันล้านดอลลาร์ ระหว่างบริษัทฮุนได มอเตอร์ (Hyundai Motor) กับบริษัท แอลจี เอ็นเนอร์ยี่ โซลูชั่นส์ (LG Energy Solution) โดยปฏิบัติการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการปราบปรามแรงงานอพยพของรัฐบาลทรัมป์
ข้อเสนอนี้ของทรัมป์ทำให้เที่ยวบินเช่าเหมาลำที่เตรียมพาคนงานกลับประเทศต้องล่าช้าออกไปหนึ่งวัน โดยล่าสุดมีกำหนดออกเดินทางจากสหรัฐฯ ในวันนี้ (11 ก.ย.) ขณะที่ประธานาธิบดีอี แจ-มยอง ของเกาหลีใต้ยืนยันว่า กระบวนการเดินทางกลับบ้านได้ถูกระงับชั่วคราวเพื่อรอผลการหารือกับฝ่ายสหรัฐฯ
เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ทรัมป์ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ สนับสนุนให้แรงงานที่ถูกจับกุมอยู่ในสหรัฐฯ ต่อไป เพื่อถ่ายทอดความรู้และทักษะแก่แรงงานท้องถิ่น ขณะที่โช ฮยอน รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ซึ่งเดินทางไปกรุงวอชิงตันเพื่อหารือกับมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เสนอว่าแรงงานควรเดินทางกลับประเทศก่อนเพื่อพักฟื้น แล้วค่อยตัดสินใจกลับมาสหรัฐฯ ในภายหลังหากต้องการ
ด้านสำนักข่าวยอนฮับรายงานว่า รัฐมนตรีโชยืนยันว่าจะไม่มีการใส่กุญแจมือแรงงานเหล่านี้ระหว่างถูกส่งตัวจากศูนย์กักกันไปยังสนามบิน แม้ว่าตามปกติแล้ว เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐฯ มักใช้กุญแจมือและโซ่ตรวนกับผู้ที่ถูกส่งตัวกลับประเทศ
ทั้งนี้ การกวาดล้างแรงงานต่างด้าวครั้งล่าสุดของสหรัฐฯ ได้สร้างความตื่นตระหนกในเกาหลีใต้ และทำให้หลายบริษัทตั้งข้อสงสัยถึงความเป็นไปได้ของการดำเนินธุรกิจในสหรัฐฯ
ภาคธุรกิจเกาหลีใต้ย้ำว่าข้อจำกัดด้านวีซ่าสำหรับแรงงานฝีมือต่างชาติเป็นอุปสรรคสำคัญ เพราะทำให้ไม่สามารถส่งบุคลากรไปแก้ไขความซับซ้อนของโรงงานที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง หรือจัดการฝึกอบรมแรงงานท้องถิ่นได้อย่างรวดเร็ว