เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เปิดเผยวานนี้ (11 ก.ย.) ว่า สหรัฐฯ เตรียมเรียกร้องให้ญี่ปุ่นและประเทศสมาชิกอื่น ๆ ของกลุ่ม G7 เพิ่มการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนและอินเดีย เพื่อตอบโต้ที่ทั้งสองประเทศยังคงซื้อน้ำมันจากรัสเซียอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการกดดันดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของรัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการเร่งยุติสงครามรัสเซียยูเครนโดยเร็ว
โฆษกกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวกับสำนักข่าวเกียวโดว่า การที่จีนและอินเดียยังคงซื้อน้ำมันจากรัสเซีย เท่ากับเป็นการช่วยจัดหาทุนให้ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ทำสงครามในยูเครน และยืดเวลาสังหารประชาชนยูเครนออกไป
"กลุ่ม G7 จำเป็นต้องแสดงจุดยืนร่วมกับสหรัฐฯ" โฆษกกล่าว พร้อมเผยว่ารัฐมนตรีคลังของประเทศสมาชิก G7 มีกำหนดหารือทางออนไลน์ในวันนี้ (12 ก.ย.) เพื่อพิจารณาคำร้องขอจากสหรัฐฯ
ก่อนหน้านี้เมื่อต้นสัปดาห์ รัฐบาลทรัมป์ได้ยื่นข้อเรียกร้องต่อสหภาพยุโรป (EU) ให้ผนึกกำลังกับสหรัฐฯ เก็บภาษีศุลกากรจากจีนและอินเดียในอัตราสูงสุดถึง 100% เพื่อช่วยเร่งให้สงครามในยูเครนยุติลง ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้จึงเป็นการขยายข้อเรียกร้องไปยังญี่ปุ่น อังกฤษ และแคนาดา ซึ่งเป็นสมาชิก G7 ที่ไม่ได้อยู่ใน EU
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า อย่างไรก็ดี การที่ญี่ปุ่นจะปรับขึ้นภาษีศุลกากรในอัตราสูงต่อจีนและอินเดียยังเป็นเรื่องยาก เนื่องจากมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจใกล้ชิดกับทั้งสองประเทศ โดยเมื่อปลายเดือนส.ค.ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย ได้เดินทางเยือนกรุงโตเกียว เพื่อหารือกับนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ ของญี่ปุ่น ซึ่งทั้งสองฝ่ายตกลงยกระดับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง
ทั้งนี้ เมื่อเดือนที่ผ่านมา ทรัมป์ประกาศเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มเติมอีก 25% สำหรับสินค้านำเข้าจากอินเดีย เนื่องจากยังคงซื้อน้ำมันรัสเซีย และเมื่อรวมกับภาษีที่เคยเก็บอยู่แล้ว 25% ส่งผลให้ภาษีสินค้านำเข้าจากอินเดียสูงถึง 50% ซึ่งอินเดียออกมาวิจารณ์ว่ามาตรการดังกล่าวไม่ยุติธรรมและไม่สมเหตุสมผล เพราะทั้งสหรัฐฯ และ EU เองก็ยังคงมีการค้ากับรัสเซียเช่นกัน