บรรดานักเศรษฐศาสตร์ได้ปรับลดคาดการณ์การจ้างงานในสหรัฐฯ ไปจนถึงสิ้นปีหน้า ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้คาดกันว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเดินหน้าลดอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง
ผลสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ 80 คนที่บลูมเบิร์กจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1924 ก.ย. ระบุว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเพียง 71,000 ตำแหน่งต่อเดือน ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีนี้จนถึงปี 2569 ตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าที่คาดไว้เมื่อเดือนก่อนราว 20,000 ตำแหน่ง ขณะที่การสำรวจยังบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะชะลอตัวในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ โดยคาดว่า GDP จะขยายตัวเพียง 1.2% ต่อปี ก่อนที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจจะเร่งขึ้นอีกครั้งในปี 2569
นักวิเคราะห์ประเมินว่า แนวโน้มการจ้างงานที่ชะลอตัวจะผลักดันให้เฟดทยอยปรับลดดอกเบี้ยรวม 1% ภายในก.ย. ปีหน้า โดยเฟดได้เริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของปีนี้ไปแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด อธิบายว่า ความกังวลเกี่ยวกับตลาดแรงงานเป็นเหตุผลสำคัญ และชี้ว่าตลาดแรงงานไม่สามารถถือว่าแข็งแกร่งเหมือนเดิมได้อีกต่อไป
ด้านลุค ทิลลีย์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของวิลมิงตัน ทรัสต์ คอร์ป (Wilmington Trust Corp.) มองว่า ความอ่อนแอของตลาดแรงงาน การสูญเสียตำแหน่งงาน และการใช้จ่ายด้านบริการที่ชะลอลง จะส่งผลมากกว่าผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากร จึงทำให้เฟดจำเป็นต้องปรับลดดอกเบี้ยหลายครั้งต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี 2568 และต้นปี 2569
สำหรับเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งวัดจากดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลไม่รวมอาหารและพลังงาน คาดว่าจะขึ้นไปแตะระดับเฉลี่ย 3.2% ในไตรมาส 4 ของปีนี้ ก่อนทยอยลดลงในครึ่งหลังของปี 2569 และนักเศรษฐศาสตร์ยังคาดว่า การจ้างงานจะซบเซาต่อเนื่องจนถึงสิ้นปีนี้ ก่อนจะเริ่มฟื้นตัวในปีหน้า
อย่างไรก็ดี การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปี 2569 คาดว่าจะอยู่เฉลี่ยไม่ถึง 2% เนื่องจากการชะลอตัวของตลาดแรงงานยังคงกดดันการใช้จ่ายของภาคครัวเรือน
ด้านสำนักงานวิเคราะห์เศรษฐกิจสหรัฐฯ รายงานเมื่อวันพฤหัสบดี (25 ก.ย.) ว่า เศรษฐกิจในไตรมาส 2 ขยายตัวเร็วที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี จากแรงหนุนของการใช้จ่ายภาคครัวเรือนและการลงทุนของภาคธุรกิจ