กาน คิม ยง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีการค้าของสิงคโปร์ เปิดเผยว่า บริษัทยาในสิงคโปร์กำลังขอความชัดเจนจากสหรัฐฯ ว่าจะได้รับการยกเว้นจากภาษีนำเข้าในอัตราสูงหรือไม่ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศจัดเก็บภาษี 100% สำหรับยาที่มีตราสินค้า เว้นแต่บริษัทเหล่านั้นจะตั้งฐานการผลิตในสหรัฐฯ
เขาระบุว่า สิงคโปร์ส่งออกผลิตภัณฑ์ยามูลค่าประมาณ 4 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (3.10 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ไปยังสหรัฐฯ และส่วนใหญ่เป็นยาที่มีตราสินค้า โดยผลิตภัณฑ์ยาคิดเป็นสัดส่วนราว 13% ของการส่งออกทั้งหมดจากสิงคโปร์ไปยังสหรัฐฯ ทำให้เรื่องนี้เป็นความกังวลของรัฐบาลสิงคโปร์
อย่างไรก็ตาม บริษัทยาหลายแห่งที่ดำเนินงานในสิงคโปร์มีแผนที่จะขยายหรือสร้างฐานธุรกิจในสหรัฐฯ อยู่แล้ว ซึ่งอาจช่วยให้พวกเขามีคุณสมบัติที่จะได้รับการยกเว้นภาษี
กานยังกล่าวถึงการพบปะกับโฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ เมื่อเดือนส.ค. ว่า การเจรจาการค้าระหว่างสองฝ่ายยังดำเนินอยู่ โดยมีการหารือถึงรายละเอียดข้อตกลงที่เป็นไปได้ในภาคยารวมถึงอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ สิงคโปร์คาดหวังว่าจะได้ข้อตกลงที่ทำให้ยังสามารถแข่งขันในตลาดสหรัฐฯ ได้ และช่วยให้บริษัทยาสามารถส่งออกต่อไป ส่วนอัตราภาษีจะอยู่ที่ระดับใดนั้นยังเป็นประเด็นที่ต้องเจรจา แต่สิงคโปร์หวังว่าจะได้สิทธิประโยชน์ที่ดีกว่าภาษีขั้นสูงที่สหรัฐฯ กำหนดในปัจจุบัน
แม้จะมีความตกลงการค้าเสรีระหว่างสิงคโปร์กับสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2547 แต่การส่งออกไปยังสหรัฐฯ ยังคงถูกเก็บภาษีพื้นฐานในอัตรา 10% โดยภาษีที่ครอบคลุมหลายอุตสาหกรรมอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการสินค้า เช่น เซมิคอนดักเตอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้บริโภค และผลิตภัณฑ์ยา โดยธนาคารกลางสิงคโปร์เคยระบุเมื่อเดือนก.ค.ว่า กลุ่มสินค้าดังกล่าวมีสัดส่วนประมาณ 40% ของการส่งออกทั้งหมดไปยังสหรัฐฯ
อัตราภาษีที่แท้จริงของสหรัฐฯ ต่อสินค้าส่งออกจากสิงคโปร์เพิ่มขึ้นจาก 6.8% ในเดือนเม.ย. เป็น 7.8% ในเดือนก.ค. หลังจากที่สหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีเหล็กและอะลูมิเนียม