ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ปรับเพิ่มแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจปี 2568 ของประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียและแปซิฟิก ซึ่งรวมถึงประเทศไทย หลังจากครึ่งปีแรกขยายตัวได้แข็งแกร่ง แม้แรงกดดันจากการค้าระหว่างประเทศยังคงเป็นปัจจัยกดดันต่อความคาดหมาย
ADB คาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียและแปซิฟิกในปี 2568 จะอยู่ที่ 4.8% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 4.7% ที่คาดไว้ในเดือนก.ค. แต่ยังต่ำกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 4.9% ของเดือนเม.ย.
ADB คาดว่าเงินเฟ้อของประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียและแปซิฟิก จะลดลงสู่ 1.7% ในปี 2568 จาก 2.3% ที่คาดไว้ในเดือนเม.ย. ก่อนปรับขึ้นเล็กน้อยเป็น 2.1% ในปี 2569 เนื่องจากราคาอาหารกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
สำหรับประเทศไทยนั้น ADB คาดการณ์ในเดือนก.ย.ว่า GDP ของไทยจะขยายตัว 2.0% ในปี 2568 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนก.ค. ว่าจะขยายตัว 1.8%
นอกจากนี้ ADB ยังคาดว่า เศรษฐกิจของไทยจะขยายตัว 1.6% ในปี 2569 ส่วนเงินเฟ้อจะอยู่ที่ 0.5% ในปีนี้ และ 0.8% ในปีหน้า
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียและแปซิฟิกเติบโต 5.4% เร็วกว่าการขยายตัว 4.9% ในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 โดยได้รับแรงหนุนจากการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และสินค้าที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ล่วงหน้าเพื่อลดผลกระทบจากภาษีที่สูงขึ้น
อัลเบิร์ต พาร์ก หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ADB ระบุว่า การส่งออกล่วงหน้าก่อนการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ช่วยกระตุ้นการเติบโตในบางประเทศ แต่แนวโน้มนี้คาดว่าจะลดลงเมื่อการปรับขึ้นภาษีมีผลเต็มที่
ADB ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียและแปซิฟิกในปี 2569 ลงเหลือ 4.5% จาก 4.6% ในเดือนก.ค. และ 4.7% ในเดือนเม.ย. โดยชี้ว่าการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ทำให้ความต้องการสินค้าจากต่างประเทศชะลอตัว
ปาร์คระบุด้วยว่า ความเสี่ยงด้านการค้ายังคงเป็นภัยคุกคามหลักต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ โดยชี้ถึงความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่ยังไม่คลี่คลาย ความเสี่ยงในการปรับขึ้นภาษีเพิ่มเติม และการเก็บภาษีเฉพาะกลุ่มต่อเซมิคอนดักเตอร์และยา
ADB ระบุว่า อัตราภาษีเฉลี่ยของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็น 17.4% สูงที่สุดนับตั้งแต่ยุคเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในทศวรรษ 1930 จากระดับ 2.4% ในปี 2567 หลังจากมีการบังคับใช้ภาษีใหม่ในเดือนส.ค. แม้ว่าสหรัฐฯ ได้ลงนามข้อตกลงการค้าใหม่หลายฉบับ แต่หลายข้อตกลงยังไม่สมบูรณ์ ทำให้เกิดความไม่แน่นอนด้านนโยบาย
ปาร์คกล่าวว่าความไม่แน่นอนคลายตัวบ้างหลังจากการประกาศข้อตกลงการค้าในเดือนพ.ค.-ส.ค. แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับสูง สะท้อนความไม่ชัดเจนในการดำเนินการข้อตกลงการค้าและภาษี
ส่วนแนวโน้มของภูมิภาคย่อยยังแตกต่างกัน โดย ADB คาดว่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเติบโต 4.3% ในปี 2568 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 4.2% ในเดือนก.ค. แต่ต่ำกว่าคาดการณ์ 4.7% ในเดือนเม.ย. ส่วนเอเชียใต้คาดว่าจะเติบโต 5.9% เท่ากับในเดือนก.ค. แต่ต่ำกว่าคาดการณ์ 6.0% ของเดือนเม.ย.
แนวโน้มการขยายตัวของจีนยังคงเดิมที่ 4.7% ปีนี้ โดยได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการด้านนโยบาย การกระจายการส่งออก และการเติบโตแข็งแกร่ง 5.3% ในช่วงครึ่งปีแรก แต่ตัวเลขคาดการณ์ของ ADB ยังต่ำกว่าตัวเลขเป้าหมายของรัฐบาลจีนที่ 5.0%
ทั้งนี้ ภายใต้คำจำกัดความของ ADB ประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียและแปซิฟิกประกอบด้วย 46 ประเทศ ตั้งแต่จีนถึงจอร์เจียและซามัว โดยไม่รวมประเทศพัฒนาแล้ว เช่น ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์