💥*ไทยเฮ! อุตสาหกรรมกุ้งอินโดฯกระทบหนัก หลังสหรัฐตรวจพบปนเปื้อนรังสี

สมาคมผู้เลี้ยงกุ้งอินโดนีเซียเปิดเผยว่า อุตสาหกรรมกุ้งของอินโดนีเซียกำลังได้รับผลกระทบอย่างหนัก หลังจากมีการตรวจพบการปนเปื้อนของสารกัมมันตรังสีในกุ้งล็อตหนึ่งที่มีการส่งออกไปยังสหรัฐ

กุ้งดังกล่าวมาจากนิคมอุตสาหกรรมในเขตจาการ์ตา ซึ่งต่อมามีการยืนยันพบสารซีเซียม-137 ขณะที่สำนักงานนิวเคลียร์ของอินโดนีเซียกำลังเข้าตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว

ทั้งนี้ อินโดนีเซียเป็นผู้ส่งออกกุ้งรายใหญ่อันดับ 5 ของโลก หรือคิดเป็น 6% ของการส่งออกทั่วโลก โดยอินโดนีเซียส่งออกกุ้งราว 2 ใน 3 ไปยังสหรัฐ

แม้มีการตรวจพบในกุ้งล็อตเดียวที่มาจากบริษัท PT Bahari Makmur Sejati (BMS) แต่ผู้ซื้อในสหรัฐและหลายประเทศกำลังรอดูผลการตรวจสอบเพื่อยืนยันว่ากุ้งจากอินโดนีเซียทั้งหมดมีความปลอดภัยหรือไม่

นายอันดี ตัมซิล ประธานสมาคมผู้เลี้ยงกุ้งอินโดนีเซีย กล่าวว่า "นับตั้งแต่องค์การอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ขึ้นบัญชีแดงบริษัท BMS การรับซื้อกุ้งจากเกษตรกรได้ลดลงถึง 30-35%"

ในปี 2567 อินโดนีเซียส่งออกกุ้งราว 215,000 ตัน มูลค่า 1.7 พันล้านดอลลาร์ โดยมีสหรัฐเป็นตลาดหลัก คิดเป็น 63.7% ของการส่งออกทั้งหมด รองลงมาคือญี่ปุ่น

จนถึงขณะนี้ FDA ได้ขึ้นบัญชีผลิตภัณฑ์ 10 แบรนด์ที่เกี่ยวข้องกับ BMS แล้ว

ทั้งนี้ FDA แถลงในเดือนสิงหาคมว่า ผู้บริโภคควรหลีกเลี่ยงการรับประทานกุ้งแช่แข็งที่มีการวางจำหน่ายในห้างวอลมาร์ท เนื่องจากอาจมีการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสี โดยเจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนรายงานการปนเปื้อนสารซีเซียม-137 ที่ตรวจพบในตู้คอนเทนเนอร์ และผลิตภัณฑ์กุ้งแช่แข็งจากบริษัท PT. Bahari Makmur Sejati (BMS Food) ของอินโดนีเซีย

กุ้งแช่แข็งที่ผลิตโดยบริษัทดังกล่าวมีการวางจำหน่ายในห้างวอลมาร์ทใน 13 รัฐของสหรัฐ ได้แก่ แอละแบมา อาร์คันซอ ฟลอริดา จอร์เจีย เคนทักกี ลุยเซียนา มิสซูรี มิสซิสซิปปี โอไฮโอ โอกลาโฮมา เพนซิลเวเนีย เท็กซัส และเวสต์เวอร์จิเนีย

ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับสารซีเซียม-137 อย่างต่อเนื่อง อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง เนื่องจากสารดังกล่าวจะทำลาย DNA ของเซลล์ในร่างกาย