ไทยเนื้อหอม! ดึงดูดเศรษฐีเวียดนามแห่ซื้ออสังหาฯ หรู ส่งลูกเรียนอินเตอร์

ประเทศไทยกำลังขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในจุดหมายหลักของบรรดาเศรษฐีเวียดนามที่กำลังย้ายออกจากประเทศ โดยเวียดนามกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงจากการที่เศรษฐีพากันย้ายออก ซึ่งผู้เชี่ยวชาญบางรายมองว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจเป็นผลจากการที่รัฐบาลเดินหน้าจับกุมคนรวยที่มีชื่อเสียงหลายคนในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ทำให้บุคคลเหล่านี้รู้สึกว่าอนาคตและทรัพย์สินของตัวเองไม่มั่นคง จึงต้องหาแผนสำรอง

ข้อมูลจากบริษัทที่ปรึกษาด้านการลงทุนและการย้ายถิ่นฐาน เฮนลีย์ แอนด์ พาร์ทเนอร์ส (Henley & Partners) และบริษัทวิเคราะห์ความมั่งคั่ง นิว เวิลด์ เวลท์ (New World Wealth) ระบุว่า ในปี 2567 เพียงปีเดียว บุคคลที่มีความมั่งคั่งสูงย้ายออกจากเวียดนามมากถึง 300 คน ซึ่งนับว่าพุ่งสูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับปี 2565 ที่มีแค่ 100 คน และปี 2566 ที่มี 150 คน

หัวหน้าฝ่ายวิจัยของนิว เวิลด์ เวลท์ ระบุว่า เศรษฐีเวียดนามหลายรายกำลังย้ายมายังประเทศไทย เนื่องจากปัจจัยดึงดูดสำคัญ ทั้งโรงเรียนนานาชาติระดับเวิลด์คลาส ภาคบริการทางการเงินที่กำลังเติบโต และอสังหาริมทรัพย์สุดหรู โดยไทยกลายเป็นทางเลือกใหม่นอกเหนือจากจุดหมายปลายทางเดิม ๆ อย่างสหรัฐอเมริกา แคนาดา และออสเตรเลีย

เพื่อรับมือกับกระแสคนรวยไหลออก รัฐบาลเวียดนามจึงเดินหน้าดึงดูดชาวเวียดนามโพ้นทะเลบางกลุ่มกลับประเทศ โดยไม่ได้พุ่งเป้าไปที่เงินของพวกเขา แต่เน้นความเชี่ยวชาญเป็นหลัก ผ่านการออกกฎหมายสำคัญหลายฉบับ ทั้งการมอบสิทธิ์การเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์เต็มรูปแบบให้ชาวเวียดนามโพ้นทะเลเทียบเท่ากับพลเมืองในประเทศ ผ่อนปรนกฎการถือสองสัญชาติสำหรับผู้เชี่ยวชาญบางสาขา ทั้งยังเสนอเงินเดือนตามอัตราตลาดด้วย

ผู้เชี่ยวชาญมองว่า ชาวเวียดนามที่ตัดสินใจกลับบ้านเกิดหลังประสบความสำเร็จในต่างแดน มักเจออุปสรรคหลายอย่าง เช่น วัฒนธรรมองค์กรแบบสั่งการจากบนลงล่างที่ทำให้การแบ่งปันความรู้และการมีอิทธิพลทำได้จำกัด ปัญหาเรื่องวีซ่าที่ทำให้การย้ายครอบครัวยุ่งยาก กฎระเบียบของท้องถิ่นที่ไม่เป็นไปในทางเดียวกัน และภาษีเงินได้ที่ไม่คุ้มกับสวัสดิการ ดังนั้น เวียดนามต้องแก้ปัญหาดังกล่าวให้ได้ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานให้คนเหล่านี้