วุฒิสภาสหรัฐฯ ประสบความล้มเหลวในการผลักดันร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเป็นครั้งที่ 6 ในวันพุธ (8 ต.ค.) ส่งผลให้การปิดหน่วยงานของรัฐบาลยังคงดำเนินต่อไป โดยวุฒิสมาชิกได้ลงมติผลักดันร่างกฎหมายการจัดสรรงบประมาณชั่วคราวด้วยคะแนนเสียง 54 ต่อ 45 แต่คะแนนสนับสนุนไม่ถึง 60 คะแนนซึ่งเป็นเกณฑ์สำคัญในการผ่านร่างกฎหมายเพื่อให้หน่วยงานของรัฐบาลมีงบประมาณไปจนถึงวันที่ 21 พ.ย.
ร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวซึ่งนำเสนอโดยพรรครีพับลิกันและผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรมาแล้วก่อนหน้านี้ ยังคงติดขัดอยู่ในขั้นตอนของวุฒิสภา เพราะถึงแม้ว่า สว. สังกัดพรรคเดโมแครต 3 คนได้ร่วมลงคะแนนเสียงสนับสุนนเช่นเดียวกับครั้งก่อน ๆ แต่พรรครีพับลิกันก็ยังไม่สามารถรวบรวมเสียงสนับสนุนเพิ่มเติมจากสมาชิกพรรคเดโมแครตคนอื่น ๆ ได้
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า พรรครีพับลิกันและเดโมแครตยังคงกล่าวโทษกันไปมาว่าอีกฝ่ายเป็นสาเหตุที่ทำให้ร่างกฎหมายงบประมาณอยู่ในภาวะชะงักงัน โดยไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกัน ได้โพสต์ข้อความบน X ว่า "สมาชิกพรรคเดโมแครตได้ลงคะแนนให้มีการปิดหน่วยงานรัฐบาลชุดนี้ และครอบครัวของพรรคเดโมแครตเอง ตลอดจนพนักงาน และธุรกิจขนาดเล็กได้ถูกบีบให้ต้องจ่าย"
ขณะที่ชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาจากพรรคเดโมแครต กล่าวกับประชาชนชาวสหรัฐฯ ผ่านการโพสต์ข้อความบน X ว่า "หน่วยงานรัฐบาลต้องถูกชัตดาวน์ เพราะประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และพรรครีพับลิกัน ตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะนำสิทธิการดูแลสุขภาพไปจากพวกคุณ และพวกเขาไม่ยอมแม้แต่จะมาที่โต๊ะเพื่อพูดคุยกับเราเกี่ยวกับเรื่องนี้"
ทั้งนี้ การชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ได้เริ่มขึ้นในวันที่ 1 ต.ค. ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ชัตดาวน์ครั้งแรกในรอบเกือบ 7 ปี ขณะที่สำนักงานงบประมาณของสภาคองเกรสได้ประมาณการเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า พนักงานของรัฐบาลกลางประมาณ 750,000 คนจะถูกสั่งพักงานโดยไม่ได้รับค่าจ้างในช่วงการชัตดาวน์