นักวิเคราะห์จากหลายสำนักคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจมาเลเซียมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 โดยได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ฟื้นตัว ตลอดจนตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง กิจกรรมด้านการลงทุนที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และนโยบายที่สนับสนุนเศรษฐกิจภายในประเทศ
ทีเอ ซิเคียวริตีส์ (TA Securities) คาดการณ์ว่า การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของมาเลเซียจะอยู่ที่ 4.1% ในไตรมาส 3/2568 เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งแม้ว่าชะลอตัวลงเล็กน้อยจากระดับ 4.4% ในไตรมาส 2 แต่ก็จะดีดตัวขึ้นแตะระดับ 4.7% ในไตรมาส 4
รายงานของทีเอ ซิเคียวริตีส์ระบุว่า การเติบโตของเศรษฐกิจมาเลเซียในไตรมาสสุดท้ายมีแนวโน้มที่จะได้รับแรงหนุนจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่ลดลง รวมทั้งการที่รัฐบาลแจกเงินสดอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยเหลือประชาชน ตลอดจนอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวลง เงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ และการจ้างงานที่แข็งแกร่ง ซึ่งคาดว่าปัจจัยเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นการอุปโภคบริโภคในภาคเอกชนให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่รายงานล่าสุดของอาร์เอชบี อินเวสต์เมนต์ แบงก์ (RHB Investment Bank) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจมาเลเซียจะยังคงขยายตัวที่ระดับ 4% ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความแข็งแกร่งของการใช้จ่ายของผู้บริโภคและตลาดแรงงาน รวมทั้งกิจกรรมการลงทุนที่สม่ำเสมอ และนโยบายที่สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รายงานของอาร์เอชบี อินเวสต์เมนต์ แบงก์ยังระบุด้วยว่า การขยายตัวด้านการลงทุนในมาเลเซียจะได้รับปัจจัยหนุนจากความคืบหน้าของโครงการระยะยาวทั้งในภาครัฐและเอกชน และการดำเนินโครงการริเริ่มภายใต้แผนแม่บทระดับชาติ ซึ่งรวมถึงแผนงานการเปลี่ยนผ่านพลังงานแห่งชาติ (National Energy Transition Roadmap) และแผนแม่บทอุตสาหกรรมใหม่ปี 2573 (New Industrial Master Plan 2030)
นอกจากนี้ เอ็มบีเอสบี รีเสิร์ช (MBSB Research) ยังได้คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจมาเลเซียจะขยายตัวเล็กน้อยในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อการค้าโลก โดยคาดว่าตลอดปี 2568 ตัวเลข GDP ของมาเลเซียจะขยายตัว 4.3% ชะลอตัวลงจากปี 2567 ที่ขยายตัวแข็งแกร่งถึง 5.1% อย่างไรก็ดี คาดว่ามาเลเซียจะยังคงได้ประโยชน์จากอุปสงค์สินค้าจำพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับวงจรขาขึ้นของเทคโนโลยีทั่วโลก