จีนเตือนว่าจะใช้มาตรการตอบโต้ หากสหรัฐอเมริกาเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมในอัตรา 100% สำหรับสินค้านำเข้าจากจีน ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 พ.ย. โดยจีนระบุด้วยว่าการที่สหรัฐฯ ขู่ขึ้นภาษีสูงเช่นนี้ "ไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้องในการอยู่ร่วมกัน"
กระทรวงพาณิชย์จีนแถลงเมื่อวันอาทิตย์ (12 ต.ค.) ว่า "หากสหรัฐฯ ยืนกรานที่จะเดินหน้าต่อไปในทางที่ผิด จีนจะใช้มาตรการที่เด็ดขาดเพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมายของตนอย่างแน่นอน"
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของจีนมีขึ้นหลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (10 ต.ค.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้จุดชนวนสงครามการค้ากับจีนขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยการออกมาขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม 100% หลังรัฐบาลจีนประกาศมาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายากที่จำเป็นต่อการผลิตเทคโนโลยีขั้นสูง นอกจากนี้ ทรัมป์ยังได้กล่าวถึงความเป็นไปได้ที่จะยกเลิกการประชุมที่กำลังจะมีขึ้นกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน นอกรอบการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือเอเปค ที่เกาหลีใต้ด้วย
ก่อนหน้านั้นเมื่อวันพฤหัสบดี จีนได้เพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมการส่งออกแร่หายาก โดยให้รวมไปถึงการส่งออกเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งยังได้เพิ่มโฮลเมียม และแร่หายากอีกสี่ชนิด เข้าในรายการที่ต้องมีใบอนุญาตส่งออก ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย. นอกเหนือจากเจ็ดชนิดที่ประกาศไปแล้วเมื่อเดือนเม.ย.
กระทรวงพาณิชย์จีนยืนยันว่า จีนไม่ได้ใช้มาตรการ "ห้ามการส่งออก" แต่เน้นย้ำว่าข้อจำกัดใหม่นี้มีเป้าหมายเพื่อป้องกันการนำแร่หายากไปใช้ทางทหาร พร้อมเสริมว่า จีนจะอนุมัติใบอนุญาตที่ผ่านเกณฑ์ และจะเร่งรัดการเจรจากับประเทศอื่น ๆ เกี่ยวกับการควบคุมการส่งออก เพื่อ "รักษาความมั่นคงและเสถียรภาพของห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกให้ดียิ่งขึ้น"
นอกจากนี้ แถลงการณ์ของกระทรวงพาณิชย์จีนยังได้วิจารณ์สหรัฐฯ ที่ออกมาตรการห้ามนำเข้าจากหลายบริษัท ซึ่งมุ่งเป้าไปที่บริษัทจีน ทั้งที่สองฝ่ายเพิ่งเจรจาการค้าทวิภาคีที่กรุงมาดริดเมื่อเดือนก.ย. โดยกล่าวว่าการกระทำดังกล่าวของสหรัฐฯ ทำลายผลประโยชน์ของจีนอย่างร้ายแรง และบ่อนทำลายบรรยากาศของการเจรจา
พร้อมกันนี้ จีนได้เรียกร้องให้สหรัฐฯ บริหารจัดการความแตกต่างอย่างเหมาะสมผ่านการเจรจาบนพื้นฐานของความเคารพซึ่งกันและกัน
ทั้งนี้ สองประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้ยุติสงครามการค้าลงชั่วคราวในเดือนพ.ค. โดยระงับการเก็บภาษีตอบโต้กันในอัตราเลขสามหลัก ก่อนจะมีการขยายการสงบศึกภาษีออกไปจนถึงวันที่ 10 พ.ย.