โกลด์แมน แซคส์ เปิดเผยรายงานเมื่อวันอาทิตย์ (13 ต.ค.) ระบุว่า ผู้บริโภคในสหรัฐฯ จะแบกรับภาระต้นทุนภาษีนำเข้ามากกว่าครึ่งหนึ่ง จากมาตรการภาษีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศใช้ในปีนี้
รายงานของโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า ภายในสิ้นปี 2568 ผู้บริโภคสหรัฐฯ จะต้องแบกรับภาระต้นทุนภาษีราว 55% ของทั้งหมด ขณะที่ภาคธุรกิจในประเทศจะรับภาระ 22% และกลุ่มผู้ส่งออกต่างชาติ 18%
"ในขณะนี้ ภาคธุรกิจสหรัฐฯ อาจเป็นผู้แบกรับภาระต้นทุนในสัดส่วนที่มากกว่า เนื่องจากภาษีบางรายการเพิ่งเริ่มมีผลบังคับใช้ และต้องใช้เวลาในการปรับขึ้นราคาสินค้าผู้บริโภค รวมถึงการเจรจาต่อรองราคานำเข้ากับซัพพลายเออร์ต่างประเทศให้ลดลง" โกลด์แมน แซคส์ กล่าวสำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์ยังเสริมว่า สถานการณ์ปัจจุบันแตกต่างจากในปี 2562 โดยภาระภาษียังไม่ได้ถูกส่งผ่านให้กับผู้บริโภคโดยตรง เนื่องจากหลายบริษัทอาจเลือกชะลอการปรับขึ้นราคา เพื่อรอดูทิศทางนโยบายภาษีว่าจะคงอยู่ต่อไปหรือไม่ ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากกระบวนการท้าทายทางกฎหมาย
ทั้งนี้ รายงานของโกลด์แมน แซคส์ระบุว่า มาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ได้ส่งผลให้ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เพิ่มขึ้นราว 0.44% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ และคาดว่าจะผลักดันให้ดัชนี PCE แตะที่ระดับ 3% ภายในเดือนธ.ค.นี้
ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)