เจ้าหน้าที่สหภาพยุโรป (EU) เรียกร้องให้ใช้มาตรการตอบโต้จีนอย่างเข้มงวด หลังรัฐบาลจีนยกระดับมาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายาก ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตชิปและเทคโนโลยีขั้นสูง
ลาร์ส ล็อคเก ราสมุสเซน รัฐมนตรีต่างประเทศเดนมาร์ก ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานหมุนเวียนของ EU ระบุว่า ยุโรปควรมีท่าทีแข็งกร้าวมากขึ้น เนื่องจาก EU เป็นกลุ่มการค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลกและมีอิทธิพลเพียงพอ พร้อมย้ำว่า ยุโรปต้องแสดงให้เห็นถึงพลังนั้น
ราสมุสเซนยังกล่าวอีกว่า แม้ไม่คาดว่า EU จะใช้มาตรการภาษีตอบโต้จีนโดยตรง แต่ควรพิจารณาความเป็นไปได้ในการดำเนินการร่วมกับสหรัฐฯ เพื่อสร้างแรงกดดันต่อจีนอย่างมีประสิทธิภาพ
ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้น หลังเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (9 ต.ค.) จีนได้ประกาศมาตรการคุมเข้มการส่งออกแร่หายากและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการผลิตแร่หายาก ส่งผลให้โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมาตอบโต้ด้วยการประกาศเก็บภาษี 100% สำหรับสินค้าจีนทั้งหมด และคุมเข้มการส่งออกซอฟต์แวร์สำคัญ โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. อย่างไรก็ดี ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (12 ต.ค.) ปธน.ทรัมป์มีท่าทีอ่อนลง โดยเขากล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "ทุกอย่างจะเป็นไปในทางที่ดี และสหรัฐฯ ไม่ต้องการทำร้ายจีน"
ทั้งนี้ จีนครองตลาดแร่หายากและแร่ธาตุอื่น ๆ ของโลก ซึ่งจำเป็นต่อเทคโนโลยีสมัยใหม่ต่าง ๆ ตั้งแต่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ไปจนถึงระบบอาวุธ