ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ (16 ต.ค.) ตามทิศทางดัชนี S&P500 และ Nasdaq ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทที่ปิดบวกเมื่อวานนี้ หลังธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐฯ รายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบเล็กน้อย
บรรดานักลงทุนยังคงระมัดระวังในการซื้อขายในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เนื่องจากความตึงเครียดทางการค้าทั่วโลกทวีความรุนแรงขึ้น โดยดัชนีความผันผวน (Cboe Volatility Index - VIX) ซึ่งเป็นดัชนีบ่งชี้ความวิตกของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวสูงขึ้นตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาแตะระดับกว่า 21.6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนพ.ค. และปิดที่ระดับ 20.6 เมื่อวานนี้
-- ผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางของสหรัฐฯ มีคำสั่งชั่วคราวเมื่อวานนี้ (15 ต.ค.) ห้ามรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เลิกจ้างพนักงานของรัฐ ท่ามกลางภาวะปิดหน่วยงานของรัฐบาลหรือชัตดาวน์ที่ยังคงดำเนินอยู่
ซูซาน วอนน์ อิลสตัน ผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐฯ ประจำเขตเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนียระบุขณะออกคำสั่งห้ามชั่วคราวว่า "การดำเนินการที่เกิดขึ้นในกรณีนี้ขัดต่อกฎหมาย"
คำสั่งดังกล่าวมีขึ้นเพียงไม่กี่วัน หลังจากรัฐบาลส่งหนังสือแจ้งเลิกจ้างถึงพนักงานของรัฐกว่า 4,000 คน โดยสหภาพแรงงานใหญ่ 2 แห่งซึ่งเป็นตัวแทนของข้าราชการได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อระงับการเลิกจ้างครั้งนี้
-- บอร์จ เบรนด์ ประธาน World Economic Forum (WEF) กล่าวว่า โลกกำลังอยู่ในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ซึ่งขับเคลื่อนโดย การลงทุนด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่คาดว่าจะทะลุ 500,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้
ทั้งนี้ ในการประชุม World Future Councils and Cybersecurity Meetings 2025 ที่นครดูไบ เบรนด์กล่าวว่า AI อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตระดับโลกได้ราว 10% ภายในทศวรรษหน้า และจะเปลี่ยนแปลงตลาดแรงงานครั้งใหญ่ รวมทั้งเพิ่มความเข้มข้นของการแข่งขันทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
-- สตีเฟน มิแรน สมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) กล่าวว่า ภาวะชะงักงันในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนได้ทำให้เกิดความเสี่ยงครั้งใหม่ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ และทำให้เฟดมีความจำเป็นเร่งด่วนในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ ในการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุม CNBC Invest in America Forum ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี มิแรนได้ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงจากการที่จีนควบคุมการส่งออกแร่หายาก ซึ่งได้ทำให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตอบโต้ด้วยการขู่เรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้าที่นำเข้าจากจีนในอัตรา 100%
-- สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมกำหนดราคาขั้นต่ำสำหรับสินค้าในหลายอุตสาหกรรม เพื่อรับมือกับการที่จีนทำการบิดเบือนกลไกตลาด
เบสเซนต์กล่าวว่า จีนได้ทำให้คู่แข่งต่างชาติในอุตสาหกรรมแร่หายากต้องปิดตัวลงในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ด้วยการอาศัยความได้เปรียบในด้านการผลิตเพื่อตัดราคาลงอย่างรุนแรง
-- เจพีมอร์แกน เชส ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ออกรายงานคาดการณ์ว่า ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะผ่อนคลายลงในการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ที่มีกำหนดจัดขึ้นนอกรอบการประชุมสุดยอดกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือเอเปก (APEC) ที่เมืองคยองจู ประเทศเกาหลีใต้
'เรายังคงคาดว่าประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะพบปะกันในการประชุม APEC ซึ่งจะจัดขึ้นที่เกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม ถึง 1 พฤศจิกายน ซึ่งผลลัพธ์ที่เป็นไปได้มากที่สุดคือ สหรัฐฯ จะไม่เรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มอีก 100% ต่อจีน หรืออย่างน้อยสิ่งนี้จะยังไม่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาหนึ่ง และการตั้งข้อจำกัดด้านการส่งออกของทั้งสองฝ่ายจะถูกผ่อนคลายลงมากพอที่จะไม่กลายเป็นการห้ามส่งออกโดยสิ้นเชิง'
-- สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า สหรัฐฯ ใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับเกาหลีใต้แล้ว
'เราใกล้ที่จะได้ข้อสรุปกับเกาหลีใต้แล้ว โดยรายละเอียดบางอย่างยังต้องมีการเจรจา แต่เรากำลังดำเนินการอยู่' เบสเซนต์กล่าวต่อสำนักข่าว CNBC และเสริมว่า เจ้าหน้าที่จากทั้งสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ได้พบปะหารือกันในสัปดาห์นี้ นอกรอบการประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลก ที่จัดขึ้น ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี
-- สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า สหรัฐฯ จะไม่เปลี่ยนแปลงจุดยืนในการเจรจาการค้ากับจีนเพียงเพราะเกิดความผันผวนในตลาดหุ้น
'ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ชอบตลาดหุ้นที่พุ่งสูง แต่ท่านก็เชื่อว่าตลาดหุ้นที่พุ่งสูงเกิดจากนโยบายที่ดี'
'เราจะไม่เจรจาเพียงเพราะตลาดหุ้นกำลังตก หรือหลีกเลี่ยงการใช้มาตรการเด็ดขาดต่อจีนเพียงเพราะเหตุผลดังกล่าว แต่เราจะเจรจาเพราะเรากำลังทำในสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเศรษฐกิจสหรัฐฯ' เบสเซนต์กล่าวต่อสำนักข่าว CNBC
-- ธนาคารพรินซ์ (Prince Bank Plc.) ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ในกัมพูชา ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า ธนาคารมีการดำเนินงานที่เป็นอิสระ และถูกต้องตามกฎหมาย ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) และย้ำว่าผู้ถือหุ้นไม่มีส่วนร่วมในการดำเนินงานประจำวันของทางธนาคาร โดยธนาคารมีการแยกอำนาจอย่างชัดเจนระหว่างผู้ถือหุ้นและฝ่ายบริหาร
ธนาคารพรินซ์ออกแถลงการณ์ดังกล่าว หลังมีรายงานว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ประกาศยึดบิตคอยน์มูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 490,000 ล้านบาทจากกระเป๋าเงินดิจิทัลที่เป็นของ เฉิน จื้อ (Chen Zhi) ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊งสแกมเมอร์ขนาดใหญ่ในกัมพูชา และเป็นผู้ก่อตั้งและประธานกลุ่มบริษัท Prince Holding Group ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจข้ามชาติที่ตั้งอยู่ในกัมพูชา
-- ข้อมูลและเหตุการณ์เศรษฐกิจสำคัญในวันนี้ (16 ต.ค.) มีดังนี้:-
ญี่ปุ่นเปิดเผยยอดสั่งซื้อเครื่องจักรเดือนส.ค.
ออสเตรเลียเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนก.ย.
อังกฤษเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค., ดุลการค้าเดือนส.ค. และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เดือนส.ค.
สหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีการผลิตเดือนต.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.ย.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA), ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย., ยอดค้าปลีกเดือนก.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนส.ค.