รายงานซึ่งจัดทำโดยสภาสภาพภูมิอากาศ (Climate Council) ซึ่งเป็นองค์การนอกภาครัฐ (NGO) ของออสเตรเลีย ร่วมกับ พร็อพแทรค (PropTrack) บริษัทด้านข้อมูลอสังหาริมทรัพย์เปิดเผยว่า ความเสี่ยงจากน้ำท่วมที่เพิ่มสูงขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กำลังเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้มูลค่าอสังหาริมทรัพย์ในออสเตรเลียลดลงอย่างมาก
รายงานระบุว่า ณ เดือนเม.ย. 2568 มูลค่ารวมของที่อยู่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมลดลง 4.22 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 2.74 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) เมื่อเทียบกับมูลค่าที่ควรจะเป็นหากไม่มีความเสี่ยงน้ำท่วม
รายงานระบุว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลให้ภัยคุกคามจากน้ำท่วมในออสเตรเลียเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันบ้านเรือน 1 ใน 6 หลังทั่วประเทศกำลังเผชิญกับความเสี่ยงน้ำท่วม
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า อสังหาริมทรัพย์ในรัฐควีนส์แลนด์ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นส่วนใหญ่มีสภาพอากาศแบบเขตร้อน ได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดยรายงานระบุว่า ณ เดือนเม.ย. มูลค่ารวมของอสังหาริมทรัพย์ในรัฐควีนส์แลนด์ลดลงประมาณ 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลียเนื่องจากความเสี่ยงน้ำท่วม
ส่วนมูลค่าเฉลี่ยของบ้านสามห้องนอนโดยทั่วไปในพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมในเดือนเม.ย. ลดลง 75,500 ดอลลาร์ออสเตรเลีย เมื่อเทียบกับมูลค่าบ้านที่ไม่มีความเสี่ยงน้ำท่วม
นิกกี ฮัทลีย์ ผู้ร่วมจัดทำรายงานจากสภาสภาพภูมิอากาศระบุในเอกสารว่า "ความเสี่ยงน้ำท่วมยังทำให้ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจรุนแรงขึ้นด้วย โดยมูลค่าที่ลดลงมากที่สุดบางส่วนกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่ที่มีรายได้ต่ำ และเราสามารถคาดไว้ได้เลยว่า สถานการณ์นี้จะยิ่งย่ำแย่ลงไปอีกหากเราไม่ลดมลพิษจากสภาพภูมิอากาศอย่างจริงจังภายในทศวรรษนี้"
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 รัฐควีนส์แลนด์และรัฐนิวเซาท์เวลส์ (NSW) ซึ่งอยู่ทางชายฝั่งตะวันออก ประสบกับภาวะน้ำท่วมรุนแรงที่ก่อความเสียหายอย่างกว้างขวางต่ออสังหาริมทรัพย์หลายพันแห่ง