เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และจีนจะพบปะกันที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซียในวันนี้ (25 ต.ค.) เพื่อพยายามหลีกเลี่ยงการยกระดับสงครามการค้า และเตรียมให้การประชุมระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า
การเจรจานอกรอบการประชุมสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) มีเป้าหมายหาทางออกหลังจากที่ทรัมป์ขู่จะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนใหม่ 100% และใช้มาตรการจำกัดการค้าอื่น ๆ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. เพื่อตอบโต้การขยายการควบคุมการส่งออกแม่เหล็กและแร่หายากของจีน
การดำเนินการล่าสุดของสหรัฐฯ ยังรวมถึงการเพิ่มบริษัทจีนหลายพันแห่งเข้าในบัญชีดำ ทำให้บริษัทเหล่านี้ไม่สามารถนำเข้าเทคโนโลยีหรือสินค้าอเมริกันได้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อข้อตกลงการพักรบทางการค้าที่เคยทำไว้โดยสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ, เจมิสัน เกรียร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ และ เหอ ลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีจีน ในการประชุม 4 ครั้งตั้งแต่เดือนพ.ค.
เจ้าหน้าที่ทั้งสามจะพยายามปูทางให้ทรัมป์และสีพบกันในวันพฤหัสบดีหน้า (30 ต.ค.) ในการประชุมสุดยอดความร่วมมือเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ที่เกาหลีใต้ การหารืออาจครอบคลุมการบรรเทาภาษีชั่วคราว การควบคุมเทคโนโลยี และการซื้อถั่วเหลืองของสหรัฐฯ โดยจีน
โจช ลิปสกี ประธานฝ่ายเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศที่ Atlantic Council ในกรุงวอชิงตัน ระบุว่า ก่อนการประชุมของทรัมป์และสีนั้น เหอ, เบสเซนต์ และเกรียร์ต้องหาทางลดข้อพิพาทเกี่ยวกับการควบคุมแร่ธาตุหายากของจีนและมาตรการจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีของสหรัฐฯ
ลิปสกียังกล่าวว่า การประชุมจะไม่เกิดขึ้นหากไม่มีข้อตกลงที่สามารถกลับไปสู่การพักรบชั่วคราวที่เคยมีในช่วงฤดูร้อน และสหรัฐฯ ต้องการให้จีนยกเลิกการควบคุมแร่หายากใหม่ทั้งหมด
สก็อตต์ เคนเนดี ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจจีนที่ศูนย์การศึกษายุทธศาสตร์และระหว่างประเทศ (Center for Strategic and International Studies) ในกรุงวอชิงตันระบุว่า ยังไม่แน่ใจว่าจีนจะสามารถตอบโต้หรือปรับตัวต่อมาตรการจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ ได้หรือไม่ หรือจะยืดวงจรความตึงเครียดต่อไปจนกว่าทรัมป์และสีจะพบกัน
เคนเนดีกล่าวว่า ถ้ามีข้อตกลง กลยุทธ์ของเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่ายจะสำเร็จ แต่ถ้าไม่เกิดข้อตกลง ทุกฝ่ายต้องเตรียมตัวสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายมากขึ้น