อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เปิดเผยถึงการหารือเรื่องภาษีเซมิคอนดักเตอร์กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ โดยปธน.ทรัมป์บอกกับเขาว่า สหรัฐฯ และมาเลเซียจะจัดการเกี่ยวกับภาษีดังกล่าวในเวลาที่เหมาะสม
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์กำลังพิจารณาที่จะจัดเก็บภาษีนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์ในอัตราสูงถึง 300% ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อมาเลเซียในฐานะผู้ส่งออกชิปรายใหญ่อันดับที่ 6 ของโลก โดยมีสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ
อย่างไรก็ดี อันวาร์ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์กถึงเรื่องดังกล่าวในวันนี้ (27 ต.ค.) ว่า "สำหรับตอนนี้ มันยังไม่ใช่ปัญหา" พร้อมทั้งยังได้เผยถึงการหารือกับทรัมป์ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ว่า "มันดีกว่าที่ผมคาดหวังไว้มาก ทั้งความไว้วางใจ มิตรภาพ และความมุ่งมั่นที่จะยกระดับความสัมพันธ์"
มาเลเซียกำลังเจรจาเพื่อให้การส่งออกชิปได้รับการยกเว้นจากภาษีอัตราสูงดังกล่าวของสหรัฐฯ โดยซาฟรูล อาซิซ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุน การค้า และอุตสาหกรรมของมาเลเซีย เปิดเผยเมื่อวันเสาร์ว่า ปัจจุบัน ชิปที่มาเลเซียส่งออกไปสหรัฐฯ ไม่ถูกเก็บภาษี และมาเลเซียหวังว่าจะคงเป็นเช่นนี้ต่อไป
เมื่อปีที่แล้ว มาเลเซียได้ให้คำมั่นที่จะทุ่มงบประมาณอย่างน้อย 2.5 หมื่นล้านริงกิต (5.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นความพยายามที่จะยกระดับบทบาทของมาเลเซียในขณะที่ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีนกำลังสั่นคลอนห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก โดยมาเลเซียตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการส่งออกของอุตสาหกรรมเป็นเท่าตัวสู่ระดับ 1.2 ล้านล้านริงกิตภายในปี 2573
ขณะเดียวกัน เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (26 ต.ค.) มาเลเซียและสหรัฐฯ ได้ลงนามในข้อตกลงทางการค้า ซึ่งระบุว่าสินค้ามาเลเซียจะถูกเก็บภาษีศุลกากรที่ 19% ขณะที่มาเลเซียจะลงทุน 7.0 หมื่นล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ ภายในระยะเวลา 10 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ บริษัทต่าง ๆ ของมาเลเซียจะซื้อเซมิคอนดักเตอร์ อุปกรณ์และชิ้นส่วนอากาศยาน และอุปกรณ์ศูนย์ข้อมูลจากบริษัทสหรัฐฯ รวมเป็นมูลค่า 1.5 แสนล้านดอลลาร์ ในช่วง 5 ปีข้างหน้าด้วย