สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลของนายกรัฐมนตรี ซานาเอะ ทาคาอิจิ ผู้นำญี่ปุ่น เปิดพื้นที่ให้กับธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในการกำหนดนโยบายเพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าเงิน โดยความเคลื่อนไหวของเบสเซนต์ถือเป็นการแทรกแซงนโยบายการเงินและนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนของญี่ปุ่นอย่างชัดเจน
เบสเซนต์โพสต์ข้อความบน X ในวันนี้ (29 ต.ค.) ว่า "ความเต็มใจของรัฐบาลญี่ปุ่นในการเปิดทางให้ BOJ มีพื้นที่ในการกำหนดนโยบายนั้น จะเป็นกุญแจสำคัญในการหลีกเลี่ยงไม่ให้อัตราแลกเปลี่ยนมีความผันผวนมากเกินไป"
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ไม่บ่อยนักที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ จะออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายค่าเงินของประเทศอื่น นอกจากนี้ หลังการโพสต์ข้อความของเบสเซนต์ สกุลเงินเยนแข็งค่าขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ เมื่อเทียบกับดอลลาร์ ก่อนที่การประชุมนโยบายการเงิน 2 วันของ BOJ จะเริ่มขึ้นในวันนี้ โดยที่นักลงทุนต่างก็จับตาว่า BOJ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่
มิโนรุ คิฮาระ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น ซึ่งเป็นหัวหน้าโฆษกรัฐบาล ได้ออกมาตอบสนองต่อความเห็นของเบสเซนต์ ในระหว่างการแถลงข่าวประจำวัน โดยเขากล่าวว่า "วิธีการที่เฉพาะเจาะจงของนโยบายการเงินนั้น ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ BOJ"
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เบสเซนต์ได้พบปะกับ ซัตสึกิ คาตายามะ รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่นที่กรุงโตเกียว และยังได้มีโอกาสสนทนาทางโทรศัพท์กับเธอเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว โดยเบสเซนต์โพสต์ข้อความบน X ว่า เขารู้สึกมีกำลังใจที่คาตายามะมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า นโยบายอาเบะโนมิกส์ (Abenomics) ได้เปลี่ยนจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว มาเป็นนโยบายที่ต้องสร้างความสมดุลระหว่างการเติบโตและความกังวลเรื่องเงินเฟ้อสำหรับชาวญี่ปุ่นได้อย่างไร
ทั้งนี้ อาเบะโนมิกส์ เป็นนโยบายเศรษฐกิจที่ริเริ่มโดยอดีตนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งวาระสองตั้งแต่ปี 2555 โดยนโยบายนี้มีศูนย์กลางอยู่ที่การขยายตัวทางการคลังและการผ่อนคลายทางการเงิน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงอย่างมากในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
ทาคาอิจิ ซึ่งมีจุดยืนสนับสนุนการดำเนินนโยบายผ่อนคลายทั้งในด้านการเงินและการคลังนั้น ได้ก้าวเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของญี่ปุ่นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และกำลังพยายามผลักดันให้ญี่ปุ่นกลับมาใช้นโยบายอาเบะโนมิกส์ในแบบของเธอ เนื่องจากเธอมีความคิดเห็นที่สอดคล้องกับอาเบะทั้งในด้านเศรษฐกิจ รวมถึงประวัติศาสตร์และความมั่นคงแห่งชาติ
นักลงทุนจำนวนมากในตลาดคาดการณ์ว่า BOJ จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้ เนื่องจากต้องใช้เวลามากขึ้นในการประเมินจุดยืนของทาคาอิจิซึ่งต่อต้านการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อป้องกันไม่ให้การเติบโตทางเศรษฐกิจอ่อนแอลง