ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เริ่มการประชุมนโยบายการเงินระยะเวลา 2 วันในวันนี้ (29 ต.ค.) โดยกรรมการ BOJ กำลังหารือกันว่าควรจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้หรือไม่ อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า BOJ จะใช้แนวทางรอดูสถานการณ์ เพื่อประเมินผลกระทบของการที่สหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีศุลกากร รวมทั้งประเมินท่าทีของรัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีซานาเอะ ทาคาอิจิ
นักวิเคราะห์หลายรายคาดการณ์ว่า คณะกรรมการ BOJ ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 9 คนจะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.5% เนื่องจาก BOJ ต้องการเวลามากขึ้นในการทำงานร่วมกับคณะรัฐบาลของทาคาอิจิ
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า BOJ ยังคงอยู่ในสถานะเตรียมความพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากเศรษฐกิจและเงินเฟ้อเคลื่อนไหวสอดคล้องกับการคาดการณ์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการทำให้นโยบายการเงินกลับสู่ภาวะปกติ หลังจากที่ BOJ ดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษมานานนับทศวรรษเพื่อต่อสู้กับภาวะเงินฝืด
อย่างไรก็ดี BOJ ได้คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.5% ในการประชุมเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการคงดอกเบี้ยติดต่อกัน 5 ครั้ง ขณะที่นักลงทุนในตลาดต่างก็จับตาดูว่านโยบายการเงินของ BOJ จะเป็นไปในทิศทางใดในการประชุมหลังจากนั้น
การที่ทาคาอิจิ ซึ่งมีจุดยืนสนับสนุนการผ่อนคลายนโยบายการเงินและการคลัง เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่นนั้น อาจเพิ่มความซับซ้อนให้กับการตัดสินใจของ BOJ ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า การที่ทาคาอิจิเพิ่งสาบานตนเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้ทำให้การคาดการณ์ที่ว่า BOJ จะปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินในการประชุมครั้งนี้ลดน้อยลง เนื่องจากเวลาอันจำกัดในการสื่อสารกันระหว่างธนาคารกลางและคณะรัฐบาลชุดใหม่
ในการประชุมซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันพรุ่งนี้ BOJ จะเปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจรายไตรมาสครั้งล่าสุด ขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่า BOJ จะปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีงบประมาณปัจจุบันที่จะเริ่มต้นในเดือนเม.ย. 2569 เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงมีความยืดหยุ่น แม้เผชิญกับมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ก็ตาม