เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินในวันพุธ (29 ต.ค.) โดยคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟด มีมติ 10 ต่อ 2 ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 3.75-4.00%
กรรมการ 2 คนที่โหวตสวนมติการประชุมครั้งนี้ได้แก่ สตีเฟน มิแรน หนึ่งในสมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการเฟด ซึ่งโหวตให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% และเจฟฟรีย์ ชมิด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ โหวตให้เฟดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.00-4.25%
ในการประชุมครั้งนี้ กรรมการเฟดแทบไม่ได้ส่งสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางของอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. แต่พาวเวลได้กล่าวอย่างชัดเจนในระหว่างการแถลงข่าวว่า ยังไม่มีข้อสรุปเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในวันข้างหน้า
* การลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. "ยังไม่แน่นอน"
พาวเวลกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า คณะกรรมการ FOMC มีมติที่ไม่เป็นเอกฉันท์เกี่ยวกับการดำเนินการครั้งต่อไปของเฟด
"ในการหารือของคณะกรรมการในการประชุมครั้งนี้ มีความเห็นที่แตกต่างกันอย่างมากเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการในเดือนธ.ค." พาวเวลกล่าว และเสริมว่า "การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมในการประชุมเดือนธ.ค. ยังไม่แน่นอน หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ ห่างไกลจากความแน่นอน"
* ความไม่แน่นอนสูง อาจทำให้เฟดใช้ความระมัดระวังในการประชุมเดือนธ.ค.
พาวเวลกล่าวว่า เฟดจะยังคงได้รับข้อมูลเศรษฐกิจในเชิงลึก ผ่านทางแหล่งข้อมูลอื่นที่นอกเหนือจากข้อมูลของรัฐบาล แต่ความไม่แน่นอนที่มีอยู่มากนั้น อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นในการประชุมเดือนธ.ค.
"เราจะได้รับข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อ ข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เราจะมีภาพรวมว่าเกิดอะไรขึ้น เราจะมีรายงาน Beige Book อีกครั้งแม้เราจะไม่มีข้อมูลโดยละเอียด แต่ผมคิดว่าหากมีการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญในทางใดทางหนึ่งในระบบเศรษฐกิจ ผมคิดว่าเราจะรับรู้ได้จากข้อมูลเหล่านี้" พาวเวลกล่าว* เฟดจับตากระแสการปลดพนักงานด้วยความระมัดระวังอย่างมาก
พาวเวลกล่าวว่า เฟดกำลังติดตามการเปลี่ยนแปลงของภูมิทัศน์การจ้างงานด้วยความระมัดระวังอย่างมาก หลังจากกระแสการเลิกจ้างพนักงานจำนวนมากที่เกิดขึ้นในบริษัทขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ เมื่อไม่นานมานี้
"คุณเห็นบริษัทจำนวนมากที่ประกาศว่าจะไม่จ้างงานมากนัก หรือเลิกจ้างพนักงาน และส่วนใหญ่มักจะพูดถึงปัญญาประดิษฐ์ (AI) และสิ่งที่ AI เหล่านี้สามารถทำได้ ซึ่งเรากำลังเฝ้าดูสถานการณ์เหล่านี้ด้วยความระมัดระวังอย่างมาก"พาวเวลยังกล่าวถึงภาวะตลาดแรงงานว่า แม้ว่าเฟดขาดข้อมูลจากรัฐบาลมาเป็นเวลา 4 สัปดาห์แล้ว แต่หลักฐานที่มีอยู่บ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานกำลังอ่อนแอลง
"แม้ว่าข้อมูลการจ้างงานอย่างเป็นทางการสำหรับเดือนก.ย.จะล่าช้า แต่หลักฐานที่มีอยู่ชี้ให้เห็นว่าทั้งการเลิกจ้างและการจ้างงานยังคงอยู่ในระดับต่ำ ในขณะเดียวกันการรับรู้ของครัวเรือนเกี่ยวกับตำแหน่งงานที่เปิดรับ และการรับรู้ของบริษัทต่าง ๆ เกี่ยวกับความยากลำบากในการจ้างงานนั้น ยังคงลดลง ท่ามกลางภาวะตลาดแรงงานที่อ่อนแอลง" พาวเวลกล่าว และเสริมว่า "ความเสี่ยงที่การจ้างงานจะอยู่ในภาวะขาลงดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา"
* การใช้จ่ายด้านศูนย์ข้อมูล AI ไม่ได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ย
พาวเวลกล่าวว่า นโยบายอัตราดอกเบี้ยของเฟดไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน AI ของภาคเทคโนโลยี
"ผมไม่คิดว่าการใช้จ่ายในการสร้างศูนย์ข้อมูลทั่วประเทศนั้น จะมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยเป็นพิเศษ มันขึ้นอยู่กับการประเมินในระยะยาวว่าจะมีการลงทุนจำนวนมากในด้านนี้ และนั่นจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนผลิตภาพที่สูงขึ้น""ผมไม่รู้ว่าการลงทุนเหล่านั้นจะได้ผลอย่างไร แต่ผมไม่คิดว่าการลงทุนดังกล่าวจะได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยเป็นพิเศษ เมื่อเทียบกับภาคส่วนอื่น ๆ" พาวเวลกล่าว* หากไม่มีภาษีศุลกากร อัตราเงินเฟ้อก็อยู่ไม่ไกลจากเป้าหมายมากนัก
พาวเวลกล่าวว่า หากนำภาษีศุลกากรออกไปจากสมการ อัตราเงินเฟ้อก็ไม่ได้ดูแย่นัก
"ในเรื่องเงินเฟ้อนั้น อันที่จริงแล้ว หากตัดเรื่องภาษีศุลกากรออกไป ก็อยู่ไม่ไกลจากเป้าหมาย 2% ของเรามากนัก" พาวเวลกล่าวพาวเวลระบุว่า เฟดประมาณการว่าภาษีศุลกากรมีสัดส่วนประมาณ 5 ใน 10 หรือ 6 ใน 10 ของดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อหลักของเฟด นั่นหมายความว่า หากไม่รวมภาษีศุลกากร ดัชนี core PCE อาจอยู่ในช่วง 2.3% - 2.4%