คาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้จัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินในวันนี้ (30 ต.ค.) โดยที่ประชุมมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.5% แต่ก็เน้นย้ำถึงโอกาสในการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากเศรษฐกิจเคลื่อนไหวสอดคล้องกับการคาดการณ์ของ BOJ ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า BOJ อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.
ในการแถลงข่าวครั้งนี้ อุเอดะได้แสดงความเห็นหลายประเด็น ซึ่งรวมถึงผลกระทบของนโยบายการค้า โดยเขากล่าวว่า "แนวโน้มเศรษฐกิจเผชิญกับปัจจัยหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยังคงมีความไม่แน่นอนสูงเกี่ยวกับผลกระทบของนโยบายการค้าที่มีต่อพัฒนาการทางเศรษฐกิจและราคาในต่างประเทศ"
ส่วนในประเด็นค่าจ้างและราคา อุเอดะกล่าวว่า "เราต้องการใช้เวลามากขึ้นอีกเล็กน้อยในการตรวจสอบการเคลื่อนไหวของค่าจ้างและราคา เราจะมีข้อมูลเพิ่มเติมว่าบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ในอัตรา 15% จะตอบสนองและกำหนดค่าจ้างอย่างไร รวมถึงค่าจ้างสำหรับปีหน้าด้วย"
"เราต้องการยืนยันว่า ค่าจ้างและราคาจะค่อย ๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นควบคู่กันไปหรือไม่" เขากล่าวอุเอดะกล่าวถึงการอุปโภคบริโภคภายในประเทศว่า "ค่าจ้างกำลังเพิ่มขึ้นในระดับปานกลาง แต่ราคาที่สูง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นราคาอาหารนั้น กำลังส่งผลกระทบต่อสินค้าที่ไม่คงทน การบริการ และการรับประทานอาหารนอกบ้าน แต่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกำลังปรับตัวดีขึ้น ดังนั้นเราจึงคาดว่าการบริโภคจะยังคงมีความยืดหยุ่น สำหรับแนวโน้มในอนาคตนั้น จะขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ของการเจรจาค่าจ้างในปีหน้า"
นอกจากนี้ อุเอดะกล่าวว่า การสื่อสารอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลของซานาเอะ ทาคาอิชิ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น ถือเป็นเรื่องสำคัญ
ส่วนในกรณีที่สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ได้ออกมาเรียกร้องให้ BOJ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้น อุเอดะกล่าวว่า "ผมจะไม่แสดงความเห็นในเรื่องนี้โดยตรง เราจะจัดทำตัวเลขแนวโน้มเศรษฐกิจและราคาของเรา และจะปรับระดับการสนับสนุนทางการเงิน เมื่อการคาดการณ์ของเรามีความเป็นไปได้มากขึ้น"
เบสเซนต์ได้แสดงความเห็นในเชิงแทรกแซงนโยบายการเงินญี่ปุ่นด้วยการโพสต์ข้อความบน X เมื่อวานนี้ว่า รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีทาคาอิจิ ควรเปิดพื้นที่ให้กับ BOJ ในการกำหนดนโยบายเพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าเงิน โดยระบุว่า "ความเต็มใจของรัฐบาลญี่ปุ่นในการเปิดทางให้ BOJ มีพื้นที่ในการกำหนดนโยบายนั้น จะเป็นกุญแจสำคัญในการหลีกเลี่ยงไม่ให้อัตราแลกเปลี่ยนมีความผันผวนมากเกินไป"