เจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังคงมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. โดยความเห็นเหล่านี้รวมถึงมุมมองที่มีต่อภาวะเศรษฐกิจและความเสี่ยงที่สหรัฐฯ กำลังเผชิญ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่เฟดยังเผชิญกับความท้าทายจากการขาดแคลนข้อมูลสำคัญ เนื่องจากหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงปิดดำเนินการเนื่องจากขาดงบประมาณ หรือชัตดาวน์
ลิซา คุก หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด กล่าวในการประชุมซึ่งจัดโดยสถาบันบรูกกิงส์ (Brookings Institution) ในวันจันทร์ (3 พ.ย.) ว่า ความเสี่ยงที่สูงขึ้นทั้งด้านการจ้างงานและการควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในกรอบเป้าหมายของเฟดนั้น ทำให้เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมในวันที่ 9-10 ธ.ค. แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแน่นอน
คุก ซึ่งแสดงความเห็นต่อสาธารณชนครั้งแรกนับตั้งแต่รอดพ้นจากการถูกประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ปลดจากตำแหน่ง กล่าวว่า การตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงเกินไปอาจเพิ่มโอกาสที่ตลาดแรงงานจะเผชิญภาวะถดถอยลงอย่างรวดเร็ว แม้ว่าตลาดแรงงานในขณะนี้ยังคงมีความแข็งแกร่ง และในทางตรงกันข้าม การปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากเกินคาดเพิ่มโอกาสที่จะทำให้การคาดการณ์เงินเฟ้อไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
ด้านสตีเฟน มิแรน ผู้ว่าการเฟดอีกคนหนึ่ง ยังคงมีมุมมองว่า นโยบายการเงินของเฟดอยู่ในระดับที่คุมเข้มมากเกินไป และเขายังคงสนับสนุนให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยขนานใหญ่ โดยมิแรนกล่าวว่า เขามีมุมมองที่เป็นบวกต่อเงินเฟ้อมากกว่ากรรมการเฟดคนอื่น ๆ และเขาไม่เห็นเหตุผลใดที่ทำให้เฟดจะยังคงดำเนินนโยบายคุมเข้มด้านการเงิน
ในการประชุมเมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรรมการเฟดมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 3.75-4.00% แต่มิแรนโหวตสวนมติที่ประชุม โดยเขาสนับสนุนให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันดังกล่าว
ส่วนกรรมการเฟดอีกจำนวนหนึ่งยังคงแสดงความกังวลว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากเกินไปจะทำให้เฟดเผชิญกับความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะปรับตัวสูงขึ้น โดยออสตัน กูลส์บี ประธานเฟดสาขาชิคาโก เปิดเผยว่า ในตอนนี้เขามีความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อมากกว่าตลาดแรงงาน