อินเดียกำลังพิจารณายกเลิกโครงการพลังงานสีเขียวจำนวนมาก ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราวหนึ่งในห้าของกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนทั้งหมดของประเทศ หลังโครงการเหล่านี้ประสบปัญหาไม่สามารถหาบริษัทสาธารณูปโภคของรัฐมารับซื้อไฟฟ้าได้ โดยกระทรวงพลังงานอินเดียอยู่ระหว่างการทบทวนโครงการที่ยังไม่ได้เริ่มดำเนินการซึ่งมีกำลังการผลิตรวม 42 กิกะวัตต์ และยังไม่มีการลงนามในข้อตกลงรับซื้อไฟฟ้า (offtake agreement) พร้อมเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยุติโครงการที่ไม่สามารถดำเนินการได้จริง
สาเหตุสำคัญมาจากบริษัทสาธารณูปโภคของรัฐที่มีปัญหาด้านการเงินไม่เต็มใจทำสัญญาซื้อไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน เนื่องจากพลังงานเหล่านี้มีความไม่สม่ำเสมอหากไม่มีระบบกักเก็บพลังงาน ส่งผลให้เกิดความไม่สมดุลระหว่างอุปทานและอุปสงค์ของไฟฟ้า รัฐบาลอินเดียจึงเรียกร้องให้นักพัฒนาโครงการติดตั้งแบตเตอรี่กักเก็บพลังงานควบคู่ไปด้วย เพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพของระบบไฟฟ้า
ขณะเดียวกัน มาตรการยกเลิกเงินอุดหนุนค่าขนส่งพลังงานไฟฟ้าระหว่างรัฐก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้สถานการณ์ซับซ้อนขึ้น โดยนักวิจัยมองว่า บรรดาบริษัทสาธารณูปโภคหลีกเลี่ยงการซื้อไฟฟ้าจากรัฐอื่นมากขึ้น หลังรัฐบาลทยอยลดเงินช่วยเหลือซึ่งเคยมีบทบาทสำคัญต่อการขยายตัวของพลังงานหมุนเวียนในประเทศ
ตามแผนของคณะกรรมการกำกับดูแลการไฟฟ้ากลาง (Central Electricity Regulatory Commission) โครงการที่เริ่มดำเนินการหลังเดือนมิ.ย. ปี 2568 จะต้องจ่ายค่าขนส่งไฟฟ้าระหว่างรัฐคิดเป็น 25% ของค่าธรรมเนียมทั้งหมด และอัตรานี้จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับโครงการใหม่ในอนาคต โดยรัฐบาลจะยุติการให้เงินช่วยเหลือทั้งหมดสำหรับโครงการที่เริ่มดำเนินการหลังเดือนมิ.ย. 2571
แม้มาตรการเหล่านี้อาจช่วยลดภาระต่อระบบสายส่งไฟฟ้าที่กำลังเผชิญแรงกดดันจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของพลังงานหมุนเวียน แต่ก็อาจถือเป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่ต่อเป้าหมายพลังงานสีเขียวของอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่ปล่อยคาร์บอนมากเป็นอันดับ 3 ของโลก โดยรัฐบาลตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานสะอาดให้ได้ถึง 500 กิกะวัตต์ภายในสิ้นทศวรรษ