ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับตัวลงเช้านี้ (5 พ.ย.) สอดคล้องกับทิศทางของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทที่ร่วงลงจากแรงกดดันในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ เช่น หุ้น Palantir
หุ้น Palantir ร่วงลงราว 8% แม้บริษัทซอฟต์แวร์แห่งนี้รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ที่สูงกว่าประมาณการของตลาด และให้แนวโน้มผลประกอบการที่แข็งแกร่งจากการเติบโตของธุรกิจปัญญาประดิษฐ์ก็ตาม
การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มปัญญาประดิษฐ์ได้ผลักดันให้ค่า P/E ของดัชนี S&P 500 ขยับขึ้นเหนือระดับ 23 ซึ่งใกล้เคียงกับระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2543 ตามข้อมูลของ FactSet ขณะที่หุ้นกลุ่มนี้ได้หนุนตลาดโดยรวมให้ทำสถิติสูงสุดใหม่ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งนักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า หากตลาดไม่ปรับฐานลงบ้าง มูลค่าหุ้นก็กำลังเริ่มสูงเกินไป
-- หุ้นที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ต่างดิ่งลงในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเมื่อวานนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ของหุ้นในธุรกิจ AI
ทั้งนี้ ราคาหุ้น Palantir Technologies ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ด้านการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ ร่วงลงถึง 8% ในการซื้อขายก่อนเปิดตลาด ขณะที่นักลงทุนเริ่มกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับมูลค่าหุ้นที่แพงเกินจริง
-- นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรรัฐบาลอินโดนีเซียอีกครั้งในเดือนต.ค. สะท้อนความกังวลต่อแผนการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นและการขยายเพดานการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาล
ข้อมูลระบุว่า กองทุนต่างประเทศขายสุทธิพันธบัตรอินโดนีเซียมูลค่า 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนต.ค. ส่งผลให้กระแสเงินทุนไหลออกในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาเกิน 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ท่ามกลางความกังวลเรื่องความเป็นอิสระของธนาคารกลางและวินัยทางการคลัง หลังการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งทำให้ยอดเงินทุนไหลเข้าสุทธิของปีนี้ลดลงเหลือเพียง 305 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
-- บิตคอยน์ร่วงลงเกือบ 5% ใกล้หลุดระดับ 101,000 ดอลลาร์เมื่อวานนี้ ขณะที่นักลงทุนพากันเทขายสินทรัพย์เสี่ยง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ของหุ้นในธุรกิจปัญญาประดิษฐ์ (AI)
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการร่วงลงในรอบนี้อาจฉุดให้บิตคอยน์ดิ่งลงหลุดระดับ 100,000 ดอลลาร์
ณ เวลา 00.24 น. ตามเวลาไทย บิตคอยน์ร่วงลง 4.80% สู่ระดับ 101,488.02 ดอลลาร์ในการซื้อขายบนแพลตฟอร์ม Coin Metrics
-- ศาลฎีกาสหรัฐฯ มีกำหนดทำการไต่สวนในวันนี้ (5 พ.ย.) ต่อคดีที่ว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ หลังจากที่ศาลอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยให้เพิกถอนมาตรการภาษีศุลกากรส่วนใหญ่ของเขา โดยระบุว่าประธานาธิบดีทรัมป์ใช้อำนาจเกินขอบเขตของกฎหมาย International Emergency Economic Powers Act (IEEPA) ปี 2520
ด้านประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่า เขาจะไม่เข้าฟังการพิจารณาคดีดังกล่าว แม้เขาต้องการจะเข้าร่วมอย่างมาก แต่เขาก็ไม่ต้องการสร้างความวุ่นวายต่อกระบวนการพิจารณาคดี
-- ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า หากศาลฎีกามีคำพิพากษาให้ยกเลิกการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตลาดการเงินก็อาจเกิดความปั่นป่วน โดยเฉพาะตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ เพราะรัฐบาลอาจต้องคืนเงินภาษีมากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ที่เก็บไปแล้ว และจะสูญเสียรายได้หลายแสนล้านดอลลาร์ต่อปี
ทั้งนี้ ภาษีที่เรียกเก็บตามกฎหมาย International Emergency Economic Powers Act (IEEPA) ในปีนี้ ถือเป็นสัดส่วนใหญ่ที่สุดของรายได้ศุลกากรสุทธิที่เพิ่มขึ้น 1.18 แสนล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2568 ซึ่งสิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 ก.ย. โดยรายได้ส่วนนี้ช่วยชดเชยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของรัฐบาล เช่น ค่ารักษาพยาบาล สวัสดิการสังคม ดอกเบี้ย และงบกลาโหม ซึ่งทำให้การขาดดุลงบประมาณของสหรัฐฯ ลดลงสู่ระดับ 1.715 ล้านล้านดอลลาร์
-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ โพสต์ข้อความบน Truth Social เมื่อวานนี้ ยืนยันว่า รัฐบาลของเขาจะไม่ให้เงินสนับสนุนโครงการสวัสดิการอาหาร (SNAP) หรือโครงการแสตมป์อาหารสำหรับชาวอเมริกันที่ยากไร้จำนวนกว่า 42 ล้านคน หากพรรคเดโมแครตยังคงไม่ให้ความร่วมมือในการผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้สหรัฐฯ พ้นจากภาวะปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์
"สิทธิประโยชน์ในโครงการ SNAP ซึ่งเพิ่มขึ้นหลายพันล้านดอลลาร์ในช่วงที่โจ ไบเดน ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี (เนื่องจากมีการแจกจ่ายอย่างสะเปะสะปะให้กับใครก็ตามที่ขอ แทนที่จะให้เฉพาะผู้ที่เดือดร้อนจริง ๆ ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์ของโครงการ SNAP!) จะถูกมอบให้ก็ต่อเมื่อพรรคเดโมแครตฝ่ายซ้ายสุดโต่งยอมเปิดรัฐบาลอีกครั้งเท่านั้น ซึ่งพวกเขาสามารถทำได้อย่างง่ายดาย และสิทธิประโยชน์นี้จะไม่มีการมอบให้ก่อนที่เดโมแครตจะยอมทำตาม! ขอบคุณสำหรับความสนใจในเรื่องนี้" ประธานาธิบดีทรัมป์ระบุ
-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ โพสต์ข้อความบน Truth Social เมื่อวานนี้ เรียกร้องให้พรรครีพับลิกันใช้ "ทางเลือกนิวเคลียร์" หรือ Nuclear Option ในการยกเลิกกติกา Filibuster ในวุฒิสภา ซึ่งพรรคเดโมแครตใช้ในการขัดขวางการลงมติต่อร่างกฎหมายงบประมาณ
ทั้งนี้ Filibuster เป็นกลยุทธ์การถ่วงเวลาในวุฒิสภาสหรัฐฯ โดยสมาชิกรัฐสภา โดยเฉพาะจากพรรคที่มีเสียงข้างน้อย สามารถใช้เพื่อถ่วงเวลาและขัดขวางการลงมติต่อร่างกฎหมาย ด้วยการพูดอภิปรายยืดยาวไม่หยุด บางครั้งพูดต่อเนื่องกันหลายชั่วโมง หรือแม้กระทั่งหลายวัน เพื่อให้ร่างกฎหมายนั้นไม่สามารถเข้าสู่ขั้นตอนการโหวตได้
-- สหรัฐฯ กำลังเผชิญภาวะการปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์ ที่อาจยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ โดยการชัตดาวน์ได้ย่างเข้าสู่วันที่ 35 เมื่อวานนี้ (4 พ.ย.) ซึ่งเทียบเท่ากับสถิติสูงสุดเดิมที่เกิดขึ้นในช่วงที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งสมัยแรก
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์เคยสร้างสถิติชัตดาวน์นานถึง 35 วันในระหว่างวันที่ 22 ธ.ค. 2561-25 ม.ค. 2562 ซึ่งเป็นระยะเวลาชัตดาวน์ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ท่ามกลางความขัดแย้งเกี่ยวกับการสร้างกำแพงกั้นแนวชายแดนระหว่างสหรัฐฯ และเม็กซิโก ซึ่งจบลงด้วยการที่สภาคองเกรสยอมผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว โดยแลกกับการที่งบประมาณฉบับดังกล่าวไม่มีการตั้งวงเงินสำหรับการสร้างกำแพงตามที่ประธานาธิบดีทรัมป์เรียกร้อง
-- ข้อมูลและเหตุการณ์เศรษฐกิจสำคัญในวันนี้ (5 พ.ย.) มีดังนี้:-
เกาหลีใต้เปิดเผยทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือนต.ค.
ออสเตรเลียเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนต.ค.จาก S&P Global
ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายงานการประชุม
จีนเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนต.ค.จาก RatingDog
อินโดนีเซียเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2568
สิงคโปร์เปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนก.ย.
ฝรั่งเศสเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนต.ค.จาก HCOB
เยอรมนีเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนต.ค.จาก HCOB
อียูเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนต.ค.จาก HCOB
อังกฤษเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนต.ค.จาก S&P Global
สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนต.ค.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนต.ค.จาก S&P Global, ดัชนีภาคบริการเดือนต.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) และสต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)