ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 18-19 ก.ย. โดยระบุว่า กรรมการ BOJ บางส่วนมีการอภิปรายเกี่ยวกับช่วงเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยอ้างถึงความจำเป็นที่จะต้องใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากญี่ปุ่นประสบปัญหาเงินฝืดเป็นเวลานาน ซึ่งสวนทางกับกรรมการ 2 คนคือนาโอกิ ทามูระ และฮาจิเมะ ทาคาตะ ที่เรียกร้องให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
อย่างไรก็ดี หลังเสร็จสิ้นการประชุมในวันที่ 19 ก.ย. คณะกรรมการ BOJ มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0.5% ซึ่งเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 5 ติดต่อกัน หลังจากที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับปัจจุบันในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามปรับนโยบายการเงินเข้าสู่ภาวะปกติ หลังจากดำเนินมาตรการผ่อนคลายเป็นพิเศษมานานนับ 10 ปี
รายงานการประชุมระบุว่า "กรรมการบางคนได้แสดงความเห็นว่า ในการพิจารณาเกี่ยวกับต้นทุนและประโยชน์ของการรอคอยนั้น จำเป็นต้องคำนึงถึงประเด็นที่ว่าญี่ปุ่นประสบกับภาวะเงินฝืดที่ยืดเยื้อมานาน" ขณะเดียวกรรมการอีกรายหนึ่งซึ่งกล่าวว่า "นโยบายการเงินของ BOJ จำเป็นต้องมีการพิจารณาเป็นพิเศษและแตกต่างจากธนาคารกลางอื่น ๆ ซึ่งก็คือการคาดการณ์เงินเฟ้อที่กำหนดไว้ที่ระดับ 2%"
รายงานการประชุมประจำเดือนก.ย.ซึ่งมีการเผยแพร่ในวันนี้ (BOJ) มีขึ้นหลังจากคณะกรรมการ BOJ มีมติด้วยคะแนน 7 ต่อ 2 เมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา ในการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.5% โดยมีกรรมการที่เห็นต่าง 2 คนคือนาโอกิ ทามูระ และฮาจิเมะ ทาคาตะ ซึ่งเสนอให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่สองติดต่อกัน
หลังเสร็จสิ้นการประชุมในวันดังกล่าว คาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่ากา BOJ ได้จัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยเขาได้แสดงความเห็นหลายประเด็น ซึ่งรวมถึงผลกระทบของนโยบายการค้า
อุเอดะกล่าวว่า "แนวโน้มเศรษฐกิจเผชิญกับปัจจัยหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยังคงมีความไม่แน่นอนสูงเกี่ยวกับผลกระทบของนโยบายการค้าที่มีต่อพัฒนาการทางเศรษฐกิจและราคาในต่างประเทศ"
ส่วนในประเด็นค่าจ้างและราคา อุเอดะกล่าวว่า "เราต้องการใช้เวลามากขึ้นอีกเล็กน้อยในการตรวจสอบการเคลื่อนไหวของค่าจ้างและราคา เราจะมีข้อมูลเพิ่มเติมว่าบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ในอัตรา 15% จะตอบสนองและกำหนดค่าจ้างอย่างไร รวมถึงค่าจ้างสำหรับปีหน้าด้วย"
"เราต้องการยืนยันว่า ค่าจ้างและราคาจะค่อย ๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นควบคู่กันไปหรือไม่" เขากล่าว