ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) เตือนว่า แม้ผลกระทบโดยรวมจากมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่มีต่อกัมพูชาในปัจจุบันจะถือว่าไม่มากนัก แต่หากมีการปรับเพิ่มอัตราภาษีสูงขึ้นอีก อาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อตลาดแรงงานของประเทศ
มิลาน โทมัส นักเศรษฐศาสตร์ของ ADB ประจำประเทศกัมพูชา กล่าวว่า "แบบจำลองทางเศรษฐศาสตร์ยืนยันว่า อัตราภาษีในปัจจุบันยังอยู่ในขอบเขตที่สามารถจัดการได้ ขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นว่า การเก็บภาษีในอัตราที่สูงขึ้นจะมีผลร้ายแรงต่อครัวเรือนชาวกัมพูชาผ่านปัญหาการว่างงานและความยากจน"
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 1 ส.ค. ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้ประกาศเก็บภาษีในอัตรา 19% สำหรับสินค้านำเข้าทั้งหมดจากกัมพูชา
รายงานสรุปนโยบายของ ADB ระบุว่า ภาษีอัตราสูงจะชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจลงเกือบ 1% ผลักดันให้ประชากรกว่า 100,000 คนเข้าสู่ภาวะว่างงาน และทำให้อัตราความยากจนเพิ่มขึ้นกว่า 1% ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการลดความยากจนที่มีความก้าวหน้าไปประมาณหนึ่งแล้วในช่วงที่ผ่านมา
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นอกจากนี้ รายงานยังระบุเพิ่มเติมอีกว่า ผลกระทบจะรุนแรงเป็นพิเศษสำหรับแรงงานในภาคอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีแนวโน้มจะย้ายไปยังภาคส่วนที่มีค่าแรงต่ำกว่า เช่น ภาคเกษตรและบริการพื้นฐาน
รายงานดังกล่าวยังเสนอแนะว่า ในกรณีที่มีการปรับเพิ่มอัตราภาษี รัฐบาลอาจจำเป็นต้องเสริมมาตรการบรรเทาผลกระทบชั่วคราว อาทิ การให้ความช่วยเหลือทางสังคม บริการจัดหางาน และโครงการฝึกอบรม เพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงาน และปกป้องกลุ่มประชากรที่เปราะบาง
"ในระยะยาว การลงทุนอย่างต่อเนื่องด้านความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจผ่านโครงสร้างพื้นฐาน ทุนมนุษย์ และการปฏิรูปธุรกิจ จะช่วยสร้างความยืดหยุ่นให้แก่กัมพูชาในการรับมือกับความผันผวนในอนาคต" รายงานระบุ