ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับตัวลงในวันนี้ (14 พ.ย.) โดยเคลื่อนไหวตามแรงขายในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังคงเผชิญแรงกดดัน และมีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
เมื่อคืนที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นหลักทั้งสามตัวในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบ เนื่องจากนักลงทุนยังคงเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะหุ้นที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับมูลค่าหุ้นที่อยู่ในระดับสูง
จีนมีกำหนดเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรประจำเดือนต.ค.ในวันนี้ ทั้งนี้ การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรซึ่งรวมถึงภาคอสังหาริมทรัพย์ ลดลงอย่างไม่คาดคิด 0.5% ในเดือนก.ย.
-- ญี่ปุ่นกำลังเผชิญกระแสโครงการเกษียณอาสาและเกษียณอายุก่อนกำหนดเพิ่มขึ้น ซึ่งมีแนวโน้มแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี ขณะที่บริษัทต่าง ๆ ตั้งแต่ Panasonic Holdings Corp. ไปจนถึง Japan Display Inc. พยายามปรับสมดุลระหว่างแรงงานสูงวัยกับความจำเป็นในการเสริมความสามารถในการแข่งขัน
ข้อมูลจาก Tokyo Shoko Research ระบุว่า ณ วันที่ 10 พ.ย. 2568 มีพนักงานรวม 11,045 คนที่ถูกกำหนดเป้าหมายให้เข้าร่วมโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนดในบริษัทจดทะเบียนต่าง ๆ ในปีนี้ ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2564 โดยมากกว่า 90% ของพนักงานกลุ่มนี้อยู่ในบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว โดยเฉพาะในกลุ่มอุปกรณ์ไฟฟ้า อาหาร ผลิตภัณฑ์โลหะ และเครื่องจักร
-- นักลงทุนพากันเทน้ำหนักให้กับการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. หลังทำเนียบขาวระบุว่า การปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์ อาจส่งผลทำให้ไม่มีการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อและการจ้างงานประจำเดือนต.ค. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวมีความสำคัญต่อการตัดสินใจด้านนโยบายการเงินของเฟด
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 49.4% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.50-3.75% ในการประชุมเดือนธ.ค. จากเดิมที่ให้น้ำหนักมากถึง 62.9% เมื่อวานนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 50.6% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมเดือนธ.ค. จากเดิมที่ให้น้ำหนักเพียง 37.1% เมื่อวานนี้
-- ดัชนี CBOE Volatility Index หรือ VIX ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 10% เมื่อวานนี้ แม้สหรัฐฯ ยุติภาวะปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์
ณ เวลา 00.10 น. ตามเวลาไทย ดัชนี VIX พุ่งขึ้น 10.74% สู่ระดับ 19.39
ดัชนี VIX อยู่ใกล้ระดับ 20 ซึ่งบ่งชี้ถึงความวิตกของนักลงทุนและความผันผวนในตลาด
-- การปิดหน่วยงานรัฐบาลหรือชัตดาวน์ ซึ่งกินเวลา 43 วัน ทำสถิติยาวนานที่สุดของสหรัฐฯ ได้สิ้นสุดลงเมื่อวานนี้ หลังจากสภาคองเกรสผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ลงนามให้มีผลบังคับใช้
อย่างไรก็ดี แม้จะมีข่าวดีดังกล่าว แต่การต่อสู้แย่งชิงอำนาจระหว่างพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันที่ยังคงรุนแรง ทำให้มีความเป็นไปได้ว่า การชัตดาวน์จะเกิดขึ้นอีกภายในเวลาเพียงสองเดือน
นักวิเคราะห์มองว่า งบประมาณฉบับนี้เป็นเพียงการแก้ปัญหาการเมืองเฉพาะหน้า โดยจัดสรรงบให้หน่วยงานรัฐบาลส่วนใหญ่ในระดับเดิมจนถึงวันที่ 30 ม.ค. 2569 และครอบคลุมเพียง 3 จาก 12 ร่างกฎหมายงบประมาณที่สภาคองเกรสต้องอนุมัติในแต่ละปี
-- The Phnom Penh Post ของกัมพูชา รายงานว่า ผู้แทนรัฐสภาจาก 45 ประเทศเรียกร้องให้ประเทศไทยปล่อยตัวทหารกัมพูชาทั้ง 18 นายที่ถูกควบคุมตัวภายหลังการหยุดยิงเมื่อวันที่ 28 ก.ค. โดยทันที โดยมองว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเป็นการแสดงน้ำใจไมตรี และช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นและความไว้วางใจซึ่งกันและกัน เพื่อสันติภาพและเสถียรภาพระหว่างสองประเทศ
คำร้องดังกล่าวอยู่ในแถลงการณ์ลงวันที่ 12 พ.ย. ในการประชุมประธานรัฐสภาระหว่างประเทศ (ISC) ที่กรุงอิสลามาบัด ประเทศปากีสถาน ระหว่างวันที่ 11-12 พ.ย.
-- เมื่อวันที่ 13 พ.ย. หลิน เจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับประเด็นไทยกัมพูชา โดยระบุว่า ในฐานะประเทศมิตรและประเทศเพื่อนบ้านของทั้งไทยและกัมพูชา จีนหวังว่าไทยและกัมพูชาจะยับยั้งชั่งใจ เดินหน้าเข้าหากัน ยึดมั่นการปรึกษาหารืออย่างเป็นมิตร ใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ เพื่อแสวงหาทางออกที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับได้โดยเร็ว และป้องกันไม่ให้สถานการณ์ทวีความตึงเครียด
จีนจะยังคงแสดงบทบาทเชิงสร้างสรรค์เพื่อบรรเทาและคลี่คลายสถานการณ์ด้วยวิธีของตนเองต่อไป
-- ข้อมูลและเหตุการณ์เศรษฐกิจสำคัญในวันนี้ (14 พ.ย.) มีดังนี้:-
เกาหลีใต้เปิดเผยราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนต.ค.
จีนเปิดเผยราคาบ้านเดือนต.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค., ยอดค้าปลีกเดือนต.ค., การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเดือนต.ค. และอัตราว่างงานเดือนต.ค.
ฝรั่งเศสเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนต.ค.
อียูเปิดเผยดุลการค้าเดือนก.ย. และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศไตรมาส 3/2568 (ประมาณการครั้งที่ 2)
สหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค. และยอดค้าปลีกเดือนต.ค.