S&P Global เตือนบริษัทใหญ่ในสหรัฐฯ เสี่ยงล้มละลายสูงสุดในรอบ 15 ปี จากวิกฤตสินเชื่อ

ข่าวต่างประเทศ Friday November 14, 2025 13:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ข้อมูลล่าสุดของเอสแอนด์พี โกลบอล (S&P Global) ระบุว่า การยื่นล้มละลายของบริษัทขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ มีแนวโน้มพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี ซึ่งตอกย้ำถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นของภาคธุรกิจอเมริกัน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่นักลงทุนในตลาดมีความอ่อนไหวเป็นอย่างมาก

S&P Global ระบุในรายงานที่มีการเผยแพร่ในวันพฤหัสบดี (13 พ.ย.) ว่า จำนวนบริษัทที่ยื่นล้มละลายในปี 2568 ที่นับจนถึงเดือนต.ค.นั้น สูงถึง 655 ราย เทียบกับตลอดปี 2567 ซึ่งอยู่ที่ 687 ราย โดยในเดือนต.ค.เพียงเดือนเดียวนั้น มีบริษัทที่ยื่นล้มละลายจำนวน 68 ราย หลังจากที่มีการยื่นล้มละลายจำนวน 76 รายในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นตัวเลขรายเดือนที่สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2563

บริษัทในภาคอุตสาหกรรมมีการยื่นล้มละลายมากที่สุดในปีนี้ โดยมีจำนวน 98 ราย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ามาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดภาวะชะงักงันของห่วงโซ่อุปทาน ตามด้วยบริษัทในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยซึ่งมีจำนวนการยื่นล้มละลาย 80 รายในปีนี้

นอกจากนี้ รายงานของ S&P Global ยังระบุว่า การยื่นล้มละลายทั่วสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นทุก ๆ ปีนับตั้งแต่ปี 2565 อันเป็นช่วงเวลาที่ภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูงสุดในรอบหลายสิบปี ผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ทั้งนี้ แม้ว่าผลกระทบอย่างเต็มรูปแบบจากของมาตรการภาษีศุลกากรของรัฐบาลทรัมป์ยังคงไม่แน่ชัด แต่ธุรกิจต่าง ๆ ก็เริ่มได้รับผลกระทบแล้วจากต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวกำลังสร้างแรงกดดันต่อผู้บริโภคกลุ่มรายได้น้อยที่ยังคงต้องต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อสูงและตลาดแรงงานที่อ่อนแอลง

ในช่วงกลางเดือนก.ย.ที่ผ่านมา กระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาสินเชื่อได้ทำให้ตลาดสินเชื่อทั่วโลก ซึ่งมีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ตกเป็นเป้าสนใจอีกครั้ง เมื่อบริษัทเฟิร์สต์ แบรนด์ส (First Brands) ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ได้ยื่นล้มละลายหลังจากเปิดเผยตัวเลขหนี้สินสูงกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกให้กับนักลงทุนในตลาด

ขณะที่ไตรคัลเลอร์ โฮลดิ้งส์ (Tricolor Holdings) ซึ่งเป็นบริษัทปล่อยสินเชื่อรถยนต์ซับไพรม์ได้ยื่นล้มละลายในเดือนก.ย.เช่นกัน ส่งผลให้ธนาคารเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค (JPMorgan Chase & Co.) ต้องตัดหนี้สูญเป็นมูลค่าถึง 170 ล้านดอลลาร์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ