ดีลอยท์ (Deloitte) บริษัทตรวจสอบบัญชีและที่ปรึกษาชั้นนำระดับโลกและสหพันธ์อุตสาหกรรมเยอรมัน (BDI) เปิดเผยผลสำรวจในวันพฤหัสบดี (27 พ.ย.) ระบุว่า การขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ กำลังเพิ่มแรงกดดันต่ออุตสาหกรรมของเยอรมนีอย่างหนัก โดยบริษัทผู้ผลิตราว 2 ใน 3 ได้ย้ายฐานการผลิตไปต่างประเทศแล้ว หรือกำลังวางแผนที่จะย้ายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
รายงานระบุว่า บริษัทเยอรมันที่ตอบแบบสำรวจ 1 ใน 5 ได้ย้ายโรงงานผลิตไปต่างประเทศแล้ว ซึ่งเพิ่มขึ้น 8 จุดเปอร์เซ็นต์ในช่วงสองปีที่ผ่านมา โดยนโยบายภาษีศุลกากรกำลังเร่งให้เกิดการย้ายฐานการผลิตของอุตสาหกรรมในเยอรมนี
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในบรรดาผู้ตอบแบบสอบถาม 148 รายนั้น มี 84% เป็นบริษัทขนาดใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภาคอุตสาหกรรมสำคัญของเยอรมนี เช่น เครื่องจักรกล ยานยนต์ และเคมีภัณฑ์ โดยรายงานพบว่า 43% ของบริษัทเหล่านี้มีแผนจะย้ายฐานการผลิตไปยังต่างประเทศภายใน 2-3 ปีข้างหน้า เพิ่มขึ้นจาก 33% เมื่อสองปีที่แล้ว
นอกจากด้านการผลิตแล้ว ผู้ตอบแบบสอบถาม 30% ยังเผยอีกว่า พวกเขามีความตั้งใจที่จะย้ายฐานการพัฒนาผลิตภัณฑ์ไปยังต่างประเทศด้วยในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ขณะที่ 35% คาดว่า จะดำเนินกิจกรรมด้านการวิจัยนอกเยอรมนี ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากปี 2566
ทั้งนี้ ยุโรปยังคงเป็นจุดหมายหลักของบริษัทที่เตรียมย้ายการดำเนินงาน โดยคิดเป็นประมาณ 30% ของการย้ายที่มีการวางแผนไว้ ขณะที่เอเชียกำลังได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยรายงานระบุว่า 16% ของผู้ตอบแบบสอบถามกำลังพิจารณาจะย้ายไปยังจีน และอีก 19% กำลังมองหาตลาดเอเชียอื่น ๆ
เยอร์เกน ซันเดา ผู้เชี่ยวชาญด้านห่วงโซ่อุปทานของดีลอยท์กล่าวว่า "บริษัทต่าง ๆ อาจได้รับประโยชน์ด้านต้นทุนในระยะสั้นจากการผลิตต่างถิ่น แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า บริษัทเหล่านี้จะมีความยืดหยุ่นมากขึ้นเสมอไป" พร้อมเตือนว่า การหยุดชะงักของอุปทานที่อาจเกิดขึ้นอาจทำให้ผลประโยชน์ที่คาดหวังลดลงอย่างรวดเร็ว