สมาคมเหล็กโลก หรือเวิลด์สตีล (Worldsteel) เตือนว่า ปัญหากำลังการผลิตเหล็กส่วนเกินของจีนเป็นเรื่องที่แก้ไขได้ยาก เนื่องจากอุตสาหกรรมเหล็กมีความเชื่อมโยงกับระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างลึกซึ้ง
เอ็ดวิน แบสสัน ผู้อำนวยการทั่วไปของสมาคมฯ กล่าวว่า การปิดโรงงานเหล็กเพียงแห่งเดียวก็อาจส่งผลกระทบต่อกิจกรรมเศรษฐกิจจีนเป็นลูกโซ่ พร้อมระบุว่า ยังไม่เห็นทางออกที่เป็นรูปธรรมในระยะสั้น
รายงานเผยว่า อุตสาหกรรมเหล็กของจีนมีกำลังผลิตรวมราว 1 พันล้านตันต่อปี หลังขยายตัวอย่างรวดเร็วต่อเนื่องหลายปีที่ผ่านมา จนเกินกว่าความต้องการที่แท้จริง ขณะที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน ซึ่งเป็นผู้บริโภคเหล็กรายใหญ่ เผชิญภาวะซบเซาต่อเนื่อง ส่งผลให้เหล็กส่วนเกินถูกเร่งระบายออกสู่ตลาดต่างประเทศในราคาต่ำ กระทบผู้ผลิตในหลายประเทศและเพิ่มความตึงเครียดด้านการค้า
นอกจากนี้ เหล็กยังเป็นหนึ่งในสินค้ากลุ่มแรกที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ใช้มาตรการขึ้นภาษีนำเข้าเมื่อต้นปี ขณะที่หลายประเทศ อาทิ เวียดนาม ออกมาตรการตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด ซึ่งเป็นการสวนกระแสการเปิดเสรีทางการค้าในตลาดเหล็กโลกตลอด 20 ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เวิลด์สตีลคาดการณ์ว่า ความต้องการเหล็กในจีนปี 2568 จะลดลง 2% และลดลงอีก 1% ในปี 2569 สะท้อนว่าอุตสาหกรรมยังคงอยู่ในช่วงขาลงและผลักดันให้ผู้ผลิตจีนยังคงเร่งส่งออกเหล็กใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แม้หลายประเทศเพิ่มมาตรการกีดกันทางการค้าแล้วก็ตาม