ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เผยมาตรการทางภาษีทำให้เขามีอำนาจในการเจรจาต่อรองกับประเทศอื่น ๆ พร้อมอ้างถึงการขู่เรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมต่อไทยและกัมพูชา หากทั้งสองประเทศไม่ยุติการสู้รบและการเป็นปรปักษ์ต่อกัน
ทรัมป์กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์เดอะ วอลล์สตรีท เจอร์นัล (WSJ) ที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาวเมื่อวันศุกร์ (12 ธ.ค.) ว่า "ผมเพิ่งใช้มาตรการทางภาษีเมื่อ 10 นาทีที่แล้ว ก่อนที่คุณจะมาถึง เพื่อจัดการกับสถานการณ์ความขัดแย้งที่ปะทุขึ้นใหม่ระหว่างไทยกับกัมพูชา"
"และผมบอกพวกเขาไปว่า 'ถ้าพวกคุณทำสงครามกัน ไม่เพียงแต่ผมจะยกเลิกข้อตกลงทางการค้าที่เรามีเท่านั้น แต่ผมจะใช้มาตรการทางภาษีกับประเทศของคุณด้วย'" ทรัมป์กล่าวในช่วงหนึ่งของการให้สัมภาษณ์ซึ่งมีการเปิดเผยในวันนี้ พร้อมเสริมว่า "ไม่มีใครทำแบบนั้นได้นอกจากผม"
สำนักข่าวทาสส์ของรัสเซียรายงานว่า บทสัมภาษณ์ถูกบันทึกไว้เมื่อวันศุกร์ ซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่าทรัมป์หมายถึงการสนทนาทางโทรศัพท์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นในวันเดียวกันระหว่างเขากับนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีของไทย และนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา โดยทรัมป์เปิดเผยผ่านทาง Truth Social เมื่อวันศุกร์ว่า เขาได้โทรศัพท์พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีของไทยและกัมพูชา และผู้นำทั้งสองประเทศตกลงที่จะหยุดยิงและกลับไปดำเนินการตามข้อตกลงสันติภาพ อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าหลังจากการพูดคุย การสู้รบยังคงดำเนินต่อไป
ทั้งนี้ หัวใจสำคัญของนโยบายเศรษฐกิจของทรัมป์คือการใช้มาตรการทางภาษี ซึ่งเขาอ้างว่าสามารถทำรายได้มหาศาลเข้าสู่สหรัฐฯ และกล่าวว่าคงเป็นเรื่องเลวร้ายสำหรับสหรัฐฯ หากศาลสูงประกาศให้ภาษีนำเข้าบางรายการที่เขาสั่งบังคับใช้เป็นเรื่องผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่าเขาจะหาช่องทางอื่น ๆ เพื่อใช้มาตรการทางภาษีต่อไป โดยขณะนี้ ศาลสูงของสหรัฐฯ ยังคงอยู่ระหว่างการพิจารณาประเด็นความชอบด้วยกฎหมายของมาตรการทางภาษีของทรัมป์