กระทรวงพาณิชย์อินโดนีเซียเปิดเผยเมื่อวันจันทร์ (22 ธ.ค.) ว่า อินโดนีเซียและสหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย (EAEU) ที่นำโดยรัสเซีย ลงนามข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) เพื่อกระตุ้นการค้าระหว่างกัน
พิธีลงนามจัดขึ้นที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซียเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย และผู้นำประเทศสมาชิก EAEU ร่วมเป็นสักขีพยาน ซึ่ง EAEU ประกอบด้วย อาร์เมเนีย เบลารุส คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน และรัสเซีย ขณะที่ฝ่ายอินโดนีเซียมี บูดี ซานโตโซ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้แทนลงนาม
กระทรวงพาณิชย์อินโดนีเซียระบุว่า ข้อตกลงดังกล่าวบรรลุผลหลังการเจรจายาวนาน 2 ปี โดย EAEU จะมอบอัตราภาษีพิเศษให้อินโดนีเซียครอบคลุม 90.5% ของรายการภาษีทั้งหมด เปิดทางให้เศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าถึงตลาดที่มีประชากรราว 180 ล้านคน
อย่างไรก็ดี กระทรวงฯ ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางการค้าที่อินโดนีเซียมอบให้ภายใต้ข้อตกลงนี้ โดยอินโดนีเซียมีประชากรราว 280 ล้านคน
บูดีระบุว่า สินค้าหลักของอินโดนีเซียจะเข้าถึงตลาดได้กว้างขึ้นและมีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น ซึ่งจะช่วยผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มและผลิตภัณฑ์พลอยได้ รองเท้า สิ่งทอ สินค้าประมง ยาง เฟอร์นิเจอร์ และอิเล็กทรอนิกส์
ด้าน บาคิตซาน ซากินตาเยฟ ประธานคณะกรรมการบริหาร EAEU ระบุว่า ข้อตกลงการค้าเสรีฉบับนี้อาจช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าสองฝ่ายระหว่าง EAEU กับอินโดนีเซียได้เท่าตัว
ข้อมูลระบุว่า ระหว่างเดือน ม.ค.ต.ค. ปีนี้ มูลค่าการค้ารวมระหว่างอินโดนีเซียกับ EAEU อยู่ที่ 4.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการส่งออกของอินโดนีเซียอยู่ที่ 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และการนำเข้าจาก EAEU อยู่ที่ 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
สินค้าส่งออกหลักของอินโดนีเซียไปยัง EAEU ได้แก่ น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว กาแฟ และโกโก้ ขณะที่สินค้าส่งออกสำคัญของ EAEU ได้แก่ ถ่านหิน ปุ๋ยโพแทสเซียม ข้าวสาลี และเฟอร์โรอัลลอย