ความตึงเครียดระหว่างจีนกับญี่ปุ่นกำลังซ้ำเติมธุรกิจสายการบินจีนในช่วงโลว์ซีซัน และอาจทำให้ความหวังในการทำกำไรทั้งปีเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปียากขึ้น หลังจีนสั่งจำกัดเที่ยวบินไปญี่ปุ่นเพื่อตอบโต้ทางการเมือง
สถานการณ์ตึงเครียดปะทุขึ้นหลังจาก ซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น แสดงความเห็นเกี่ยวกับไต้หวัน ส่งผลให้จีนออกมาตรการตอบโต้หลายด้าน รวมถึงการจำกัดเที่ยวบินระหว่างสองประเทศ
นักวิเคราะห์จากธนาคารดีบีเอสระบุว่า ผลกระทบดังกล่าวจะกดดันผลประกอบการของสายการบินจีนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเพิ่มความเสี่ยงด้านลบต่อประมาณการกำไร โดยคาดว่าแรงกดดันต่อรายได้จะยืดเยื้อไปจนถึงช่วงต้นปี 2569
ในบรรดาสายการบินจีนนั้น ไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ ซึ่งให้บริการเส้นทางจีนญี่ปุ่นมากที่สุด มีความเสี่ยงจากการชะลอตัวของอุปสงค์สูงกว่า ไชน่า เซาเทิร์น แอร์ไลน์ และแอร์ ไชน่า ขณะที่สายการบินขนาดเล็กแต่ยังทำกำไรได้อย่าง สปริง แอร์ไลน์ และจูนเหยา แอร์ไลน์ ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน
ข้อมูลระบุว่า สายการบินรายใหญ่ 3 แห่งของจีนขาดทุนรวมกัน 2.064 แสนล้านหยวนในช่วงปี 25632567 จากผลกระทบของโรคระบาดครั้งใหญ่ และการแข่งขันภายในประเทศที่ทวีความรุนแรง
นักวิเคราะห์จากเอชเอสบีซี โฮลดิงส์ชี้ว่า การจำกัดเที่ยวบินจะยิ่งบีบรายได้ในช่วงเวลาที่เปราะบางอยู่แล้ว โดยปกติไตรมาสนี้เป็นช่วงที่สายการบินจีนเผชิญอุปสงค์อ่อนแอ หลังผ่านพ้นวันหยุดเนื่องในวันชาติจีนในเดือนต.ค. และยังไม่มีวันหยุดใหญ่จนกว่าจะถึงเทศกาลตรุษจีนในช่วงม.ค.หรือก.พ.
เพื่อลดผลกระทบดังกล่าว สายการบินจีนเร่งปรับกลยุทธ์ด้วยการนำกำลังการบินส่วนเกินไปเปิดในเส้นทางอื่น เช่น ไทยและเกาหลีใต้ ขณะเดียวกัน นโยบายผ่อนคลายวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางไปยังรัสเซีย ก็ช่วยเปิดโอกาสใหม่ให้กับสายการบินด้วย
ด้านมอร์แกน สแตนลีย์ระบุว่า จำนวนเที่ยวบินตามตารางจากจีนไปญี่ปุ่นถูกลดลงเกือบ 50% ในเดือนธ.ค.เพียงเดือนเดียว และคาดว่าการลดลงเฉลี่ยจนถึงสิ้นเดือนมี.ค.จะอยู่ที่ 38% ขณะที่การจองเที่ยวบินไปไทยเพิ่มขึ้นเกือบ 40% ตั้งแต่กลางเดือนม.ค. เพื่อชดเชยเส้นทางบินสู่ญี่ปุ่นที่หายไป