“การปิดดำเนินงานชั่วคราวทำให้การทำงานต้องสะดุดลง แต่จะไม่มีแนวโน้มเป็นเหตุการณ์ที่กระทบต่อทั้งระบบในระดับมหภาค" นายสต็อคตันกล่าววันนี้ ซึ่งเป็นวันแรกที่บางหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐเริ่มปิดดำเนินงาน
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่นิติบัญญัติของสหรัฐไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในร่างกฎหมายงบประมาณค่าใช้จ่ายเพื่อให้หน่วยงานของรัฐบาลดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่องก่อนเที่ยงคืนวันที่ 30. ก.ย. ที่ผ่านมา ส่งผลให้ในที่สุดหน่วยงานบางส่วนของรัฐบาลต้องปิดดำเนินงานเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปีนับตั้งแต่วันเมื่อวานนี้เป็นต้นไป โดยวันที่ 1 ต.ค. เป็นวันแรกของปีงบประมาณ 2557 ของสหรัฐ
นายสต็อคตัน ซึ่งเป็นอดีตหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดว่า การปิดหน่วยงานรัฐบาลอาจทำให้การขยายตัวของผลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐลดลง 0.15% ในไตรมาสที่ 4
แต่อย่างไรก็ดี หากรัฐสภาสหรัฐไม่สามารถเพิ่มเพดานหนี้ของประเทศได้ทันเส้นตายในกลางเดือนต.ค. ก็จะเกิด “เหตุการณ์ที่มีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบในระดับมหภาค" และจะนำไปสู่ความผันผวนทางการเงิน ตลอดทั้งสร้างแรงกดดันให้กับภาคครัวเรือนและความเชื่อมั่นของนักลงทุน
นายสต็อคตันกล่าวว่า การปิดบางหน่วยงานรัฐบาลติดต่อกันหลายสัปดาห์หรือ 1 เดือนจะไม่มีผลกระทบที่สำคัญต่อค่าเงินดอลลาร์หรือชะลอการการตัดสินใจปรับลดขนาดของมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 3 (QE3) เมื่อเปรียบเทียบกับความเป็นไปได้ของวิกฤตจากผลกระทบจากการผิดนัดชำระหนี้
นอกจากนี้ นายสต็อคตันคาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวเพียง 1.9% ในปีนี้ เมื่อเทียบกับปีก่อน และจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.9% อย่างค่อยเป็นค่อยไปในปีหน้า และจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.2% ในปี 2558 สำนักข่าวซินหัวรายงาน