นายชานกล่าวว่า แนวโน้มของตลาดที่อยู่อาศัยในฮ่องกงยังไม่แน่นอน และไม่อาจบอกได้ว่า ตลาดจะเข้าสู่วงจรขาลงหรือไม่ ขณะที่กลุ่มเศรษฐกิจเกิดใหม่จะเผชิญกับความเสี่ยงต่อการไหลออกของเงินทุน ราคาสินทรัพย์ที่ปรับตัวลงและการอ่อนค่าของสกุลเงิน หากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มชะลอมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE
ประธาน HKMA ระบุว่า หากอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเนื่องจากเฟดลด QE ฮ่องกงจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดอสังหาริมทรัพย์ซึ่งยังคงอยู่ในภาวะร้อนแรงอยู่ ส่วนหนี้สินภาคครัวเรือนก็ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยคิดเป็นสัดส่วนราว 61% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)
ทั้งนี้ ราคาอพาร์ตเมนต์ขนาดใหญ่ในฮ่องกง ลดลง 2.2% จากเดือนก.พ. ขณะที่อพาร์ตเมนต์ขนาดเล็กและขนาดกลางกลับเพิ่มขึ้น 2.4% ในช่วงเวลาเดียวกัน