รมว.คลังฮ่องกงชี้มีความเสี่ยงเงินทุนไหลออก หลังเฟดลด QE

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday December 19, 2013 16:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายจอห์น ซาง รัฐมนตรีคลังฮ่องกง เตือนว่าอาจมีการขึ้นดอกเบี้ยและมีเงินทุนไหลออกจากฮ่องกง หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรรายเดือนลง 1 หมื่นล้านดอลลาร์เนื่องจากเศรษฐกิจดีขึ้น ขณะเดียวกันก็ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำต่อไป
"มาตรการผ่อนคลายทางการเงินของสหรัฐทำให้มีเงินทุนไหลเข้าฮ่องกงมหาศาล แต่แนวโน้มดังกล่าวอาจเปลี่ยนไปเนื่องจากสหรัฐปรับเปลี่ยนนโยบาย" นายซางให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน "นักลงทุนและบริษัทต่างๆ ควรระมัดระวังความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น ส่วนในแง่ของการลงทุนควรมองในระยะยาว"

ตลอดระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา เงินร้อนและอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำช่วยทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกงปรับตัวสูงขึ้น การที่สหรัฐเปลี่ยนแปลงนโยบายในครั้งนี้จึงทำให้ตลาดวิตกกังวลว่าอาจเกิดภาวะฟองสบู่แตก

"แม้ว่ายังมีเวลาก่อนที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย แต่หากเงินทุนไหลออกจากฮ่องกงมากขึ้น อัตราดอกเบี้ยในฮ่องกงอาจมีการปรับเพิ่มขึ้นก่อนในสหรัฐ ซึ่งผู้ซื้อบ้านควรระวังความเสี่ยงเหล่านี้" นายซางกล่าว

อย่างไรก็ดี เขากล่าวว่าระบบการเงินของฮ่องกงมีความแข็งแกร่งและสามารถรับมือกับเงินทุนไหลเข้าและไหลออกจำนวนมากได้ ขณะเดียวกันการผูกติดกับเงินดอลลาร์สหรัฐก็ช่วยให้สกุลเงินดอลลาร์ฮ่องกงมีเสถียรภาพ

"หากสหรัฐตัดสินใจลด QE ลงเป็นลำดับก็จะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจโลกในระยะยาว แต่ตลาดการเงินอาจผันผวนในระยะสั้น" นายซางกล่าว

นายซางกล่าวเสริมว่า ธนาคารกลางฮ่องกงเตือนว่าภาคการธนาคารของฮ่องกงอาจเผชิญกับความเสี่ยงที่กระแสเงินทุนมีความผลิกผันและการปล่อยสินเชื่อมากเกินไป พร้อมกับเรียกร้องให้ภาคธนาคารบริหารความเสี่ยงให้ดีกว่านี้ สำนักข่าวเกียวโดรายงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ