รายงานผลการประเมินระยะกลางว่าด้วยการดำเนินงานแผน 5 ปีฉบับที่ 12 (2554 – 2558) ระบุว่า เศรษฐกิจจีนขยายตัวในอัตราที่สูงกว่าการคาดการณ์มาตั้งแต่ปี 2554 ถึงแม้ว่าจะมีแนวโน้มที่ชะลอลง
สภาแห่งรัฐได้นำเสนอรายงานดังกล่าวในการประชุมรายเดือนของคณะกรรมการถาวรของสภาประชาชนแห่งชาติจีน
รายงานระบุว่า แผน 5 ปีได้กำหนดเป้าหมายการขยายตัวต่อปีของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) เอาไว้ที่ 7% ในช่วงระหว่างปี 2554 – 2558 ขณะที่จีดีพีจีนขยายตัว 9.3% ในปี 2554, 7.7% ในปี 2555 และ 7.6% ในปีครึ่งแรกของปีนี้
นายซู เซาซือ รัฐมนตรีซึ่งรับผิดชอบคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) ได้รายงานสรุปเกี่ยวกับรายงานดังกล่าวต่อสมาชิกสภานิติบัญญัติว่า "เราไม่สามารถปฏิเสธแรงกดดันช่วงขาลงที่มีต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ"
นายซูระบุว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังคงไม่มีความแน่นอน และตลาดโลกยังไม่สามารถสร้างอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง
ในส่วนของจีน นายซูกล่าวว่า ต้นทุนแรงงานได้ปรับตัวสูงขึ้น และผู้ประกอบการกำลังมีค่าใช้จ่ายด้านสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น ซึ่งจะท้าทายรูปแบบการขยายตัวในแบบดั้งเดิม
นอกจากนี้ เศรษฐกิจยังเผชิญความท้าทายจากความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับหนี้สินของรัฐบาลท้องถิ่น, ภาคการเงินและศักภาพที่สูงเกินไป ซึ่งเกิดจากการลงทุนของรัฐบาลที่ขาดวิสัยทัศน์ในโครงการด้านอุตสาหกรรม
สภาแห่งรัฐระบุว่า การแก้ปัญหาก็คือการปฏิรูปอย่างครอบคลุมในหลายๆส่วน เพื่อตระหนักถึงบทบาทที่ชัดเจนของตลาดในการจัดสรรทรัพยากรและปรับปรุงการดำเนินงานของรัฐบาล
รายงานระบุว่า เพื่อหลีกเลี่ยงเศรษฐกิจผันผวนอย่างรุนแรง จีนจะส่งเสริมความยืดหยุ่นของอัตราดอกเบี้ยและการประสานงานด้านนโยบายการคลัง การเงิน อุตสาหกรรม การใช้ที่ดิน และสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงการแก้ปัญหาหนี้สินรัฐบาลท้องถิ่นอย่างระมัดระวัง ขณะที่สร้างความมั่นใจเกี่ยวกับความจำเป็นด้านสภาพคล่องที่เหมาะสม
รัฐบาลจะเดินหน้าในการลดศักยภาพที่สูงเกินไปของภาคอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น เหล็กกล้า ซีเมนต์ อลูมินัม กระจก และการต่อเรือ และยุติการขยายภาคอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานจำนวนมากและก่อมลภาวะในปริมาณสูง สำนักข่าวซินหัวรายงาน