ทั้งนี้ นายคูโรดะได้ส่งสัญญาณดังกล่าวในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเกียวโด โดยเขาได้ปฏิเสธกระแสคาดการณ์ในตลาดการเงินว่าบีโอเจอาจจะลดขนาดวงเงินในนโยบายผ่อนคลายการเงิน ซึ่งในกรณีนี้เขากล่าวว่า "ตราบใดที่เศรษฐกิจยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางที่บีโอเจคาดการณ์ไว้ บีโอเจก็จะยังคงเดินหน้าใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินในวงเงินปัจจุบัน"
บีโอเจวางแผนที่จะเพิ่มฐานเงินขึ้นเป็น 2 เท่าภายในระยะเวลา 2 ปี โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มฐานเงินในอัตรา 60-70 ล้านล้านเยนต่อปี เพื่อจัดการกับภาวะเงินฝืดที่ยืดเยื้อมานานเกือบ 20 ปี ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าฐานเงินจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 200 ล้านล้านเยนภายในสิ้นปีนี้ และจะเพิ่มขึ้นเป็น 270 ล้านล้านเยนภายในสิ้นปีหน้า หากบีโอเจดำเนินนโยบายการเงินตามที่ได้วางแผนไว้
ส่วนในเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ฐานเงินหรือปริมาณธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ที่หมุนเวียนอยู่ในมือประชาชนและธนาคารพาณิชย์ รวมทั้งเงินฝากที่สถาบันการเงินสำรองไว้กับธนาคารกลาง พุ่งขึ้น 52.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะระดับ 189.72 ล้านล้านเยน ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน เนื่องจากบีโอเจเดินหน้าอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบการเงินเพื่อจัดการกับภาวะเงินฝืด ภายใต้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินแบบเชิงรุก การแสดงความคิดเห็นของนายคูโรดะครั้งล่าสุดนี้มีความสอดคล้องกับที่เขาได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า บีโอเจไม่ได้จำกัดเวลาในการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย พร้อมกับให้คำมั่นสัญญาว่าบีโอเจจะยังคงเดินหน้าใช้นโยบายการเงินขนานใหญ่ต่อไปตราบเท่าที่จำเป็น เพื่อบรรลุเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อที่ 2%
นอกจากนี้ เขายังแสดงความเชื่อมั่นว่าบีโอเจกำลังเดินหน้าไปสู่การบรรลุเป้าหมายการหลุดพ้นจากภาวะเงินฝืด โดยระบุว่านโยบายของบีโอเจก่อให้เกิดผลลัพธ์ตามที่ตั้งใจไว้อย่างต่อเนื่อง เมื่อพิจารณาจากการกระเตื้องขึ้นของเศรษฐกิจที่แท้จริง ตลาดการเงิน และความความคาดหวังของประชาชน