สหรัฐเผยยอดทำสัญญาขายบ้านเดือนธ.ค.ร่วง 8.7% ส่งสัญญาณตลาดที่อยู่อาศัยซบเซา

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday January 30, 2014 23:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนธ.ค.ร่วงลงอย่างหนัก เนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็นและราคาบ้านที่สูงขึ้น ทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยลดน้อยลง ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยในสหรัฐเริ่มอ่อนแอลง

ทั้งนี้ ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายประจำเดือนธ.ค. อยู่ที่ระดับ 92.4 ลดลง 8.7% จากเดือนพ.ย.ที่ระดับ 101.2 โดยดัชนีการทำสัญญาขายบ้านในเดือนธ.ค.ร่วงลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับลงเพียง 0.8%

ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการของ NAR ถือเป็นตัวชี้วัดยอดขายบ้านมือสองในอนาคต โดยทางสมาคมคาดว่ายอดขายบ้านมือสองในปีนี้จะแตะที่ 5.1 ล้านยูนิต ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 10% จากปี 2555 และคาดว่ายอดขายบ้านมือสองในปีหน้าจะยังอยู่ในระดับเดียวกับปีนี้ ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 5.3 ล้านยูนิตหลังจากนั้น

การเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวมีขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานในช่วงก่อนหน้านี้ว่า ยอดขายบ้านใหม่ในเดือนธ.ค.ลดลง 7% มาอยู่ที่ 414,000 ยูนิต จากระดับ 445,000 ยูนิตในเดือนพ.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ที่ 455,000 ยูนิต ซึ่งตอกย้ำถึงอุปสรรคในการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยในสหรัฐ

ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และราคาที่อยู่อาศัยที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ได้บั่นทอนความสามารถของกลุ่มผู้ซื้อบ้านและทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยชะลอตัวลง โดยตลาดที่อยู่อาศัยนับเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ