สำนักข่าวเกียวโดรายงานคำถามและคำตอบที่เกี่ยวข้องกับประเด็นการปรับขึ้นอัตราภาษีการบริโภคของญี่ปุ่น จาก 5% เป็น 8% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้
Q : ทำไมรัฐบาลญี่ปุ่นต้องขึ้นภาษีการอุปโภคบริโภค?
A : รัฐบาลกลางญี่ปุ่นมีหนี้สินสูงถึง 1,000 ล้านล้านเยน ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องจัดการกับภาคการคลังที่ย่ำแย่ลง รัฐบาลคาดว่ารายได้จากภาษี ที่เกิดขึ้นจากการขึ้นภาษีการบริโภคในปีงบประมาณ 2557 จะอยู่ที่ประมาณ 5 ล้านล้านเยน
Q : ภาษีการอุปโภคบริโภคจะนำไปใช้ในส่วนไหนบ้าง?
A : การขึ้นภาษีการอุปโภคบริโภคมีเป้าหมายเพื่อช่วยให้รัฐบาลมีฐานเงินทุนที่มั่นคง เพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายด้านประกันสังคมที่เพิ่มขึ้น เช่น ค่าบำเหน็จบำนาญ และค่าใช้จ่ายทางการแพทย์สำหรับประชากรสูงอายุของประเทศ
Q : สินค้าประเภทไหนบ้างที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีการอุปโภคบริโภค?
A : เนื่องจากภาษีการอุปโภคบริโภคเรียกเก็บจากสินค้าโภคภัณฑ์และบริการต่างๆ การขึ้นภาษีดังกล่าวจะส่งผลต่อสินค้าและบริการหลายประเภท เช่น ค่าน้ำค่าไฟ รถยนต์ สินค้าโภคภัณฑ์ในชีวิตประจำวัน และค่าใช้จ่ายในการทานอาหาร อย่างไรก็ดี ภาษีส่วนนี้ไม่ได้เรียกเก็บจากค่าเช่าบ้าน ค่าเล่าเรียน และค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ที่รวมอยู่ในประกันสุขภาพ
Q : ภาษีการบริโภคที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายภายในครัวเรือนอย่างไร?
A : ภาคครัวเรือนจะแบกรับภาระค่าใช้จ่ายมากขึ้น เนื่องจากการเพิ่มเงินบำนาญภาครัฐ รวมถึงค่าไฟฟ้าและค่าก๊าซที่เพิ่มขึ้น
Q : ภาษีการบริโภคจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นเป็น 10% หรือไม่?
A : กฎหมายว่าด้วยการปรับขึ้นภาษีการอุปโภคบริโภคสองเท่า ซึ่งได้รับการบัญญัติในเดือนส.ค.ปี 2555 ระบุว่า ภาษีการอุปโภคบริโภคจะปรับขึ้นเป็น 10% ในเดือนต.ค.ปี 2558 ตามสภาวะเศรษฐกิจของญี่ปุ่นที่ปรับตัวดีขึ้น นายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ กล่าวว่าจะตัดสินใจภายในปีนี้ว่าจะยังคงขึ้นภาษีเป็น 10% หรือไม่ หลังจากประเมินสภาวะทางเศรษฐกิจ ได้แก่ ข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ตั้งแต่เดือนก.ค.-ก.ย.ปีนี้
Q : รัฐบาลจะช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายของภาคครัวเรือนได้อย่างไร
A : พรรคประชาธิปไตยแห่งญี่ปุ่น (LDP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล และพรรคนิวโคเมอิโตะ ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล กำลังหารือเรื่องการลดอัตราภาษีในส่วนของสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น อาหาร เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการขึ้นภาษีการบริโภค โดยจะมีการการตัดสินใจขั้นสุดท้ายในช่วงปลายปี