สำนักนายกรัฐมนตรีเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นในภาคครัวเรือนที่ประกอบด้วยสมาชิกตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ลดลง 1 จุด จากเดือนก่อนหน้า แตะที่ระดับ 37.5 ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 โดยดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่า ผู้มีมุมมองลบต่อเศรษฐกิจมีจำนวนมากกว่าผู้มีมุมมองบวก
รัฐบาลระบุว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคแสดงให้เห็นถึง “การปรับตัวอย่างอ่อนแอ" พร้อมปรับลดการประเมินความเชื่อมั่นผู้บริโภคในแถลงการณ์เดือนก.พ. เป็น “อยู่ในภาวะอ่อนแอ"
นักวิเคราะห์กล่าวว่า การขึ้นภาษีบริโภคจาก 5% เป็น 8% อาจทำให้การใช้จ่ายของผู้บริโภค และการลงทุนของภาคเอกชนซบเซาลง และอาจส่งผลร้ายต่อเศรษฐกิจของประเทศที่เพิ่งจะฟื้นตัว
ทั้งนี้ การสำรวจได้ตั้งคำถามต่อผู้บริโภคเกี่ยวกับแนวโน้มของเศรษฐกิจในอีก 6 เดือนข้างหน้า และพบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค 4 รายการย่อยปรับตัวลงทั้งหมด
ผลสำรวจเผยว่า ความพร้อมของผู้บริโภคในการซื้อสินค้าคงทนลดลง 0.2 จุด แตะที่ 30.8 ส่วนสินค้าในชีวิตประจำวัน ปรับตัวลง 1 จุด สู่ระดับ 35.0 ขณะเดียวกัน การประเมินภาวะการจ้างงานอยู่ที่ระดับ 45.9 ลดลง 0.9 จุด และการเติบโตของรายได้ขยับลง 0.1 จุด แตะที่ 38.2
ขณะเดียวกัน ผลสำรวจแสดงให้เห็นว่า สัดส่วนครัวเรือน 89.7% มองว่า ราคาผู้บริโภคจะปรับตัวขึ้นในปีถัดไป เพิ่มขึ้น 0.4 จุดจากเดือนก.พ. และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่มีการเปรียบเทียบข้อมูลในเดือนเม.ย. 2547
เจ้าหน้าที่ของสำนักนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเสนอแนะว่า การคาดการณ์เกี่ยวกับราคาผู้บริโภคที่จะปรับตัวขึ้นมาจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์บางชนิด ค่าไฟ และแก๊สที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนเม.ย.
ทั้งนี้ รัฐบาลได้ดำเนินการสำรวจครัวเรือน 8,400 ครัวเรือนในวันที่ 15 มี.ค. ซึ่งได้รับการตอบรับกลับมาจาก 5,674 ครัวเรือน สำนักข่าวเกียวโดรายงาน