ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนเม.ย. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนมี.ค.เช่นกัน
รายงานของกระทรวงระบุว่า ราคาอาหารปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนเม.ย.เนื่องจากสภาพอากาศแห้งแล้งในพื้นที่ฝั่งตะวันตกของสหรัฐได้ส่งผลให้ราคาอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ นม ผลไม้ ผัก และปลา ปรับตัวสูงขึ้น ส่วนราคาน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 2.3% ทำสถิติเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้กำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อเอาไว้ที่ระดับ 2% พร้อมกับจับตาดูดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ อย่างใกล้ชิด เพราะข้อมูลดังกล่าวเป็นปัจจัยสำคัญต่อการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยในอนาคต
นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดได้แถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านเศรษฐกิจร่วมของสภาคองเกรสเมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า เฟดจะยังคงดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำเป็นพิเศษในปัจจุบันต่อไป โดยระบุถึงตลาดแรงงานที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างช้าๆและอัตราเงินเฟ้อที่ระดับต่ำ ทั้งนี้ นางเยลเลนกล่าวว่า ตลาดแรงงานยังคงซบเซาอย่างมาก และเงินเฟ้อยังคงต่ำกว่าเป้าหมายที่ 2% ของเฟด