ผลการสำรวจโดย EY บริษัทด้านการให้คำปรึกษาระดับโลกระบุว่า ในปี 2556 ตัวเลข FDI ในอังกฤษคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 14.6% สู่ระดับ 799 ซึ่งสูงกว่าสถิติครั้งก่อนหน้าที่ 728 ในปี 2553 และส่วนแบ่งตลาดของอังกฤษ ปรับตัวขึ้นเป็น 1 ใน 5 จากโครงการต่างๆ ของยุโรปทั้งหมด ซึ่งใกล้เคียงกับสถิติสูงสุดในช่วง 10 ปีที่แล้ว
ในขณะนี้ อังกฤษเป็นสถานที่น่าสนใจที่สุดสำหรับนักลงทุนทั่วโลก ซึ่งอันดับของอังกฤษขึ้นมาจากอันดับ 8 สู่อันดับ 5 ในการจัดอันดับประเทศที่นักลงทุนมองกว่าน่าสนใจสำหรับ FDI ในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยอังกฤษแซงหน้าเยอรมนีเป็นครั้งแรก ซึ่งประเทศที่นำหน้าอังกฤษมีแค่จีน สหรัฐ อินเดีย และบราซิล
ลอร์ดลิฟวิงสตัน รัฐมนตรีกระทรวงการค้าและการลงทุนของอังกฤษกล่าวว่า "เนื่องจากเศรษฐกิจอังกฤษยังคงฟื้นตัวต่อเนื่อง จากช่วงขาลงที่ผ่านมา ตัวเลขดังกล่าวจึงเป็นสัญญาณบ่งชี้ความเชื่อมั่นทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น ทั้งในภาพรวมระยะยาวสำหรับอังกฤษ และสภาพแวดล้อมในด้านบวกสำหรับการทำธุรกิจของประเทศ"
รายงานระบุว่า อังกฤษสามารถดึงดูดการลงทุนในโครงการวิจัยและพัฒนา (R&D projects) ได้ 52 โครงการในปี 2556 ซึ่งมากกว่าเยอรมนี 20% และทำให้อังกฤษเป็นผู้นำส่วนแบ่งตลาดยุโรป 18% โดยการลงทุนด้านซอฟต์แวร์ในอังกฤษ ทะยานขึ้น 55% ในปี 2556 และอังกฤษเป็นสำนักงานใหญ่ของโครงการทั้งหมดในยุโรป 19% ซึ่งมากกว่าประเทศอื่นๆ
ลอร์ดลิฟวิงสตันกล่าวว่า "กุญแจสู่ความสำเร็จของเรา คือภาครัฐบาลและภาคธุรกิจทำงานร่วมกันเพื่อช่วยให้อังกฤษเจริญรุ่งเรือง เราจะเน้นที่การลงทุนมากขึ้นจากบริษัทที่มุ่งเน้นการส่งออก และประเทศที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ขณะที่ส่งเสริมความน่าสนใจของทุกภูมิภาคทั้งหมดของสหราชอาณาจักร" สำนักข่าวซินหัวรายงาน