ด้วยเหตุที่เศรษฐกิจโลกกำลังอ่อนแรง จุดสนใจของการประชุมครั้งนี้จึงอยู่ที่ว่าประเทศสมาชิก G20 ทุกประเทศ ซึ่งมีขนาดจีดีพีรวมกันกว่า 80% ของจีดีพีโลก จะสามารถบรรลุข้อตกลงว่าด้วยวิธีการส่งเสริมการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกได้อย่างราบรื่นหรือไม่ โดยสหรัฐเรียกร้องว่าการกระตุ้นการคลังเป็นเรื่องจำเป็น แต่บางประเทศ โดยเฉพาะเยอรมนี ยังคงระมัดระวังเกี่ยวกับการใช้จ่ายสาธารณะที่เพิ่มสูงขึ้น
นอกจากนี้ในการประชุมสุดยอดผู้นำ G20 ครั้งนี้ คาดว่าบรรดาผู้นำจะหารือถึงการต่อสู้กับการระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลา และการอนุมัติกฎระเบียบใหม่ในการจัดการรับมือกับปัญหาการเงินของบรรดาธนาคารยักษ์ใหญ่เมื่อเกิดวิกฤต โดยไม่ต้องนำเงินภาษีของประชาชนมาใช้
การประชุมของบรรดาผู้นำ G20 มีขึ้นหนึ่งเดือนหลังจากที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2558 ลงสู่ระดับ 3.8% ซึ่งลดลง 0.2% จากประมาณการเมื่อเดือนก.ค. โดยมีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากความกังวลที่ว่ายูโรโซนอาจเข้าสู่ภาวะเงินฝืด
สมาชิก G20 ได้ตกลงกันก่อนหน้านี้เกี่ยวกับยุทธ์ศาสตร์ที่คาดว่าจะผลักดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจของกลุ่มเพิ่มขึ้น 1.8% ต่อปี อย่างไรก็ดี ในการประชุมที่บริสเบน บรรดาผู้นำจะผลักดันให้มีการรับรองยุทธศาสตร์ต่างๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายในการเพิ่มจีดีพีรวมของกลุ่มเป็นอีก 2%