ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลงมากที่สุดในรอบ 8 ปี โดยดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตดิ่งลง 8.49% ปิดที่ 3,209 จุด
ขณะที่ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 588.40 จุด หรือ 3.57% ปิดที่ 15,871.35 จุด หลังจากที่ทรุดลงกว่า 1,000 จุด หรือ 6% ในช่วงเปิดตลาด ดัชนี S&P 500 ลดลง 77.68 จุด หรือ 3.94% ปิดที่ 1,893.21 ดัชนี Nasdaq ลดลง 179.79 จุด หรือ 3.82% แตะที่ 4,526
โธมัส ลี หุ้นส่วนผู้จัดการที่บริษัทวิจัย Fundstrat กล่าวว่า นักลงทุนตื่นตระหนก ขณะที่กำลังประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลเศรษฐกิจจีน ช่วงเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) การปรับตัวลดลงของราคาน้ำมัน มีเรื่องให้วิตกมากเกินไปจนนักลงทุนไม่อยากจะถือหุ้นไว้
เบรนดอน เอเฮิร์น ผู้จัดการพอร์ตลงทุนที่ KranShares กล่าวว่า ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวดีมากในช่วงที่ผ่านมา และไม่มีการปรับฐานรุนแรงมากนัก โดยมูลค่าหุ้นสหรัฐปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา
ด้านศาสตราจารย์สตีเฟน โรช แห่งมหาวิทยาลัยเยล และอดีตประธานของมอร์แกน สแตนลีย์ เอเชีย กล่าวว่า ตลาดหุ้นสหรัฐได้รับปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของเฟด ไม่ใช่จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
"นั่นเป็นเรื่องที่เราทุกคนต่างก็วิตก ปัจจัยหนุนจากเฟดไม่ใช่ปัจจัยที่แท้จริง" เขากล่าว
ปัจจุบันมีสัญญาณบ่งชี้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐต้องการที่จะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อยุติการผ่อนคลายเชิงปริมาณ มาตรการต่างๆที่เฟดใช้เพื่อกระตุ้นตลาดนั้นกำลังอยู่ในขั้นตอนของการถอดถอน
อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังมองเห็นด้านบวกของตลาด โดยโธมัส ลี มองว่าการร่วงลงที่เกิดขึ้นนั้นเป็นการปรับฐานของตลาด ตลาดหุ้นสหรัฐยังคงได้รับปัจจัยบวกจากตลาดที่อยู่อาศัยที่แข็งแกร่ง และราคาน้ำมันเบนซินที่อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการบริโภค
นายลีกล่าวว่า ตลาดกำลังวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน แต่ขณะเดียวกัน เขาก็เสริมว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจในจีนอาจจะดีกว่าที่นักลงทุนคาดการณ์ ตลาดร่วงลงอย่างรวดเร็ว จึงมีความเป็นไปได้ที่จะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วเช่นกัน
เบรนดอน เอเฮิร์น แนะว่า นักลงทุนควรรับรู้ว่ามูลค่าหุ้นยังคงดีอยู่และยังมีโอกาสเติบโตมากมายนอกสหรัฐ เช่น หุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนทั้งในตลาดในประเทศและต่างประเทศ
"การชื้อหุ้นบริษัทขนาดใหญ่ของจีนที่จดทะเบียนในต่างประเทศ และบริษัทอีคอมเมิร์ซที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐในปัจจุบันนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ถึงแม้ว่าการซื้อหุ้นที่มูลค่าปัจจุบันจะให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวก็ตาม" เอเฮิร์นกล่าว สำนักข่าวซินหัวรายงาน