การปรับลดดอกเบี้ยนโยบายครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ไตรมาส เนื่องจากข้อมูลทางเศรษฐกิจล่าสุดของไต้หวันยังคงซบเซา และเศรษฐกิจไต้หวันที่พึ่งพาการส่งออก กำลังเผชิญกับการหดตัวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่สิ้นสุดวิกฤตการเงินทั่วโลกในช่วงปี 2551-2552
หน่วยงานกำกับดูแลด้านการธนาคารของไต้หวันระบุว่า GDP ยังคงต่ำกว่าแนวโน้ม แม้ว่าไต้หวันมีการจ้างงานอย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ให้มีการปรับลดดอกเบี้ยในครั้งนี้
สำนักงานสถิติของไต้หวันเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าส่งออกของไต้หวันลดลงติดต่อกัน 5 เดือนเมื่อเทียบรายปี และการผลิตในภาคอุตสาหกรรมก็ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 เมื่อเทียบรายปี สำนักข่าวซินหัวรายงาน