ญี่ปุ่นได้กลายเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ขนาดของสังคมได้หดตัวลงเนื่องจากอัตราการเกิดที่ลดต่ำลง ขณะที่ต้นทุนสวัสดิการสังคมกลับเพิ่มขึ้น และกระทรวงสาธารณสุขได้ของบประมาณไปแล้วเป็นจำนวน 6.7 แสนล้านเยน (5.46 พันล้านดอลลาร์) เพื่อจัดสรรค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับสังคมผู้สูงอายุของญี่ปุ่น จากยอดประมาณกว่า 30 ล้านล้านเยน
อย่างไรก็ดี คณะที่ปรึกษาได้แนะนำให้นายทาโร่ อาโสะ รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่นปรับลดค่าใช้จ่ายสำหรับผู้สูงอายุลงเหลือ 5 แสนล้านเยน โดยแนะนำให้กระทรวงปรับลดสวัสดิการค่าธรรมเนียมในการรักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับยารักษาโรค
คำแนะนำของคณะที่ปรึกษามาจากพื้นฐานความจริงที่ว่า งบประมาณสำหรับปีหน้าจะเป็นปีงบประมาณแรกที่กำหนดตามแผน 5 ปีในการฟื้นฟูดุลการคลังของรัฐบาลไปจนถึงปี 2563 ซึ่งเป็นปีที่รัฐบาลคาดหวังว่าจะพลิกจากงบประมาณขาดดุลเป็นเกินดุล
มาตรการรัดเข็มขัดดังกล่าวมีขึ้นในช่วงที่รัฐบาลภายใต้การนำของนายชินโซ อาเบะ กำลังใช้ความพยายามในการรักษาวินัยการคลังและต้องออกพันธบัตรใหม่อย่างต่อเนื่องเพื่อนำมาใช้ในงบประมาณประจำปี ในขณะที่หนี้สาธารณะได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องสู่ระดับ 2 เท่าของขนาดเศรษฐกิจของญี่ปุ่น และมีอัตราส่วนที่สูงที่สุดในบรรดาประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก สำนักข่าวซินหัวรายงาน