ทั้งนี้ เอกสารที่รั่วไหลออกมาวันนี้ก่อนการประชุมของผู้นำรัฐต่างๆและนายกรัฐมนตรีมัลคอล์ม เทิร์นบูลแห่งออสเตรเลีย แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลอาจทำรายได้สูงถึง 3.25 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีจากการปรับขึ้นภาษีดังกล่าว แต่ก็จะส่งผลให้ประชาชนต้องจ่ายภาษีสูงขึ้น
ในปัจจุบัน ชาวออสเตรเลียจ่ายภาษี GST อยู่ที่ 10% ซึ่งยังไม่รวมภาษีผลไม้สดและเครื่องดื่มที่ไม่ใช่แอลกอฮอล์ โดยข้อเสนอปฏิรูปภาษีดังกล่าวจะทำให้รัฐเก็บภาษี GST สูงขึ้นเป็น 15% และรวมการเก็บภาษีอาหารสด เครื่องดื่มทุกประเภท และการปล่อยของเสีย
นายสก็อต มอร์ริสัน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังออสเตรเลียเปิดเผยว่า นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอด้านอื่นๆอีก 5 ประการ และยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนของการชดเชยเงินให้แก่ผู้มีรายได้น้อยหรือรายได้ปานกลาง
เอกสารระบุว่า การชดเชยการขึ้นภาษี GST สำหรับครอบครัวที่มีรายได้น้อยกว่า 73,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ปี และการชดเชยครึ่งหนึ่งของการขึ้นภาษีสำหรับครอบครัวที่รายได้น้อยกว่า 112,000 ดอลลาร์/ปีนั้น จะใช้เงิน "อย่างน้อยครึ่งหนึ่ง" ของรายได้จากภาษี GST ที่เพิ่มขึ้นมา
นายมอร์ริสันกล่าวว่า การตัดสินใจในประเด็นดังกล่าวยังไม่เกิดขึ้น และข้อเสนอทั้ง 6 ประการจะต้องให้ผู้นำรัฐหรือเขตปกครองของออสเตรเลียนำมาพิจารณาหารือต่อไป
สำหรับมาตรการอื่นๆในเอกสารที่มีการเสนอขึ้นมา ประกอบด้วย
-- การขึ้นภาษี GST เป็น 15% โดยคงฐานเก็บภาษี GST ปัจจุบัน (ทำรายได้จากภาษี 2.35 หมื่นล้านดอลลาร์/ปี)
-- การขึ้นภาษี GST เป็น 12.5% และขยายฐานเก็บภาษี GST โดยนับรวมอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่แอลกอฮอล์ทั้งหมด (1.81 หมื่นล้านดอลลาร์/ปี)
-- การขึ้นภาษีประกันสุขภาพ (Medicare Levy) จาก 2% เป็น 4% ในขั้นตอนเดียว (1.1 หมื่นล้านดอลลาร์/ปี)
อย่างไรก็ตาม มีกระแสคัดค้านโจมตีข้อเสนอดังกล่าวอย่างหนัก โดยนายคริส โบเวน รัฐมนตรีคลังเงาของออสเตรเลียกล่าวว่า รัฐบาลของนายเทิร์นบูลนั้นกำลังหลอกลวงผู้มีรายได้น้อยด้วยการขยายขอบเขต GST โดยนำอาหารหลักรวมเข้ามาด้วย เช่น อาหารสดและน้ำ
"เอกสารที่รั่วไหลมาชี้ให้เห็นว่าพรรคริเบอรัลจะหลอกลวงครอบครัวที่มีรายได้น้อยและปานกลางไปนานแค่ไหน" นายโบเวนระบุในแถลงการณ์วันนี้
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเทิร์นบูลมีกำหนดที่จะหารือเกี่ยวกับข้อเสนอดังกล่าวกับผู้นำรัฐและเขตปกครอง ณ สภารัฐบาลแห่งออสเตรเลีย (GOAG) ที่นครซิดนีย์ในวันศุกร์นี้ สำนักข่าวซินหัวรายงาน