เศรษฐกิจที่เติบโตแตกต่างกันในแต่ละประเทศนั้นส่งผลให้นโยบายการเงินมีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก โดยเมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้มีการปรับขึ้นดอกเบี้ย จากนั้นในเดือนม.ค. ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ก็ได้ประกาศแผนใช้นโยบายดอกเบี้ยติดลบ ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ก็มีแนวโน้มผ่อนคลายมาตรการทางการเงินเพิ่มเติม
ความแตกต่างด้านนโยบายการเงินของกลุ่มประเทศร่ำรวยเหล่านี้นี้ ได้ก่อให้เกิดปัญหาท้าทายครั้งใหญ่ต่อตลาดเกิดใหม่ โดยเงินร้อนที่ไหลกลับเข้าสู่สหรัฐอเมริกานั้น อาจทำให้ภาคอสังหาเกิดภาวะฟองสบู่ เศรษฐกิจเติบโตซบเซา และการปฏิรูปโครงสร้างอาจหยุดชะงัก
นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยระดับต่ำในญี่ปุ่นและยุโรปอาจก่อให้เกิดการแข่งลดค่าเงิน ซึ่งเป็นนโยบายเอาตัวรอด (beggar-thy-neighbor) ที่อาจทำให้เสถียรภาพการเงินโลกตกอยู่ในความเสี่ยง
แม้ว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มไม่ค่อยสดใสนัก แต่ปัญหาตึงเครียดด้านค่าเงินในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ยังไม่ถึงระดับวิกฤติเศรษฐกิจร้ายแรง แต่ก็จำเป็นต้องมีมาตรการรองรับ โดยกลุ่ม G20 ไม่ควรกลายเป็นเพียงกลไกจัดการวิกฤติ แต่มหาอำนาจโลกจำเป็นต้องร่วมมือกันเพื่อก่อให้เกิดมาตรการรองรับที่มีประสิทธิภาพทั้งในแง่ของเศรษฐกิจและการเงิน ไม่ว่าขณะนั้นจะมีปัญหาอยู่ตรงหน้าหรือไม่ก็ตาม
ประเทศจีนซึ่งเป็นเจ้าภาพการประชุม G20 ประจำปีนี้ มีความมุ่งมั่นในการอัดฉีดปัจจัยกระตุ้นใหม่ๆเข้าสู่เครือข่ายการประสานงานทั่วโลก โดยจีนจะดำเนินบทบาทอย่างต่อเนื่องในการสร้างเสริมกลุ่ม G20 และทำให้มั่นใจว่าจะมีการจัดประชุมสุดยอดอีกภายในปีนี้ อย่างไรก็ดี กลไกการประสานงานระหว่างประเทศจะมีความหมายอย่างแท้จริงก็ต่อเมื่อสมาชิกแต่ละประเทศผนึกกำลังกัน
แทนที่จะมองเพียงในเรื่องของภาวะเศรษฐกิจในประเทศ กลุ่มธนาคารกลางรายใหญ่ของโลก โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐ ควรหันไปให้ความสนใจกับผลลัพธ์ที่กว้างขึ้นในการกำหนดนโยบายการเงินของตน โดยการที่เฟดได้ใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) นั้น ส่งผลให้เงินทุนไหลเข้าสู่ประเทศอื่นๆทั่วโลก ซึ่งหนุนราคาสินทรัพย์ขณะที่สหรัฐกำลังต่อสู้กับภาวะถดถอย และหากมีการกวดขันทางการเงินแล้วก็อาจส่งผลกระทบเพิ่มขึ้นอีกต่อกลุ่มเศรษฐกิจเกิดใหม่
นอกเหนือจากการเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอด G20 ที่เซี่ยงไฮ้แล้ว ทางการจีนจะชี้แจงต่อผู้คนทั่วโลกถึงความเป็นจริงของเศรษฐกิจจีน พร้อมเปิดเผยร่างมาตรการที่ได้วางแผนไว้ในการปฏิรูปเศรษฐกิจ เพื่อขจัดข้อสงสัยอย่างผิดๆเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน
ทั้งนี้ จีนได้มีการปรับกระบวนการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมดูแลค่าเงินไปจนถึงการรับมือกับภาวะการผลิตส่วนเกิน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจจีน ซึ่งจะเข้ามามีบทบาทอันใหญ่ยิ่งต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและเสถียรภาพการเงินโลก
บทวิเคราะห์โดย อู่ เซีย นักวิเคราะห์จากสำนักข่าวซินหัว