สหรัฐขึ้นบัญชีจับตาญี่ปุ่น-จีน-เกาหลีใต้ดำเนินนโยบายค่าเงินไม่เป็นธรรม

ข่าวเศรษฐกิจ Saturday April 30, 2016 09:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้ เป็น 3 ใน 5 ประเทศที่ติดบัญชีรายชื่อประเทศที่รัฐบาลสหรัฐจับตามองเป็นพิเศษว่าอาจดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งทำให้ประเทศเหล่านี้มีความได้เปรียบด้านการค้าเหนือสหรัฐ

"กระทรวงการคลังสหรัฐจะติดตามและประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจและนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศเหล่านี้" กระทรวงฯ ระบุในรายงานฉบับใหม่ซึ่งมีชื่อว่า "นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนของคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา" ซึ่งจะมีการนำเสนอต่อสภาคองเกรสปีละสองครั้ง

สำหรับอีก 2 ประเทศที่ติดรายชื่อดังกล่าวได้แก่ ไต้หวัน และ เยอรมนี

ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังสหรัฐได้ติดตามความเคลื่อนไหวของประเทศต่างๆเพื่อหาหลักฐานการแทรกแซงค่าเงินภายใต้กฎหมายปี 2531 โดยในรายงานฉบับใหม่ล่าสุดนี้ กระทรวงฯ ได้สรุปว่าไม่มีคู่ค้ารายใดที่เข้าข่ายแทรกแซงค่าเงิน ซึ่งประเทศสุดท้ายที่ถูกตราชื่อดังกล่าวคือ จีน ในปี 2537

ภายใต้กฎหมายฉบับใหม่ ซึ่งบังคับใช้ในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ทางกระทรวงฯ ได้พัฒนาเกณฑ์การพิจารณาขึ้นใหม่ 3 ข้อ เพื่อตัดสินว่าประเทศใดดำเนินนโยบายไม่เป็นธรรม ซึ่งเกณ์ฑการตัดสินดังกล่าว ได้แก่ ประเทศที่มียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐมากกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ ประเทศที่มียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นสัดส่วนมากกว่า 3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ และประเทศที่ทำให้สกุลเงินของตนเองอ่อนค่าลงหลายครั้งด้วยการซื้อสินทรัพย์ต่างประเทศเทียบเท่ากับ 2% ของผลผลิตในช่วงปี

ทั้งนี้ รายงานระบุว่า ทั้ง 5 ประเทศที่ติดรายชื่อต้องถูกจับตาเป็นพิเศษนี้เข้าเกณฑ์ 2 ใน 3 ข้อ โดยหากประเทศใดเข้าเกณฑ์ทั้ง 3 ข้อ ประธานาธิบดีสหรัฐจะดำเนินการหารือกับประเทศนั้นและหาวิธีลงโทษ

สำหรับญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ และเยอรมนีนั้น ติดบัญชีรายชื่อในครั้งนี้ เนื่องจากเข้าเกณฑ์ยอดเกินดุลการค้าและบัญชีเดินสะพัด ส่วนไต้หวันมีชื่ออยู่ในบัญชีจับตา เพราะยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดและการทำให้ค่าเงินของตนอ่อนค่าลงต่อเนื่อง

กระทรวงฯ ระบุว่าไม่ควรมีประเทศคู่ค้ารายใดของสหรัฐที่ควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลของตนเองกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และเน้นย้ำถึงความสำคัญที่ทุกประเทศจะต้องปฏิบัติตามข้อตกลงระหว่างประเทศที่ว่าจะใช้นโยบายการเงินเพื่อพยุงเศรษฐกิจภายในประเทศเท่านั้น โดยข้อตกลงดังกล่าวได้รับฉันมามติในการประชุม G7 และ G20

กระทรวงการคลังสหรัฐได้เรียกร้องอีกครั้งให้ญี่ปุ่นหลีกเลี่ยงการพึ่งพานโยบายการเงินมากจนเกินไปในการสนับสนุนเศรษฐกิจที่ซบเซาของประเทศ แต่ควรใช้วิธีที่เป็นไปได้ทั้งหมด อาทิ การเพิ่มการใช้จ่ายด้านการคลัง และการผลักดันการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง

"ในบริบทของ G7 และ G20 นั้น ญี่ปุ่นได้ให้คำมั่นว่าจะใช้เครื่องมือนโยบายทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการเงิน การคลัง และเชิงโครงสร้าง เพื่อส่งเสริมความเชื่อมั่นและการฟื้นตัว รวมทั้งเห็นพ้องว่า นโยบายการเงินเพียงอย่างเดียวไม่สามารถนำไปสู่การขยายตัวอย่างสมดุลได้" รายงานระบุ

สำหรับจีนนั้น กระทรวงการคลังสหรัฐได้ขอให้จีนสร้างความเชื่อมั่นว่า เงินหยวนจะเคลื่อนไหวอย่างเสรีมากขึ้น และเป็นไปตามกลไกตลาด

กระทรวงฯ ระบุในรายงานว่า จีนมีเครื่องมือในการสร้างปัจจัยแวดล้อมที่เอื้อต่อการซื้อขายที่เป็นระเบียบในตลาดปริวรรตเงินตรา โดยในภาพรวม เงินหยวนควรแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องตามความเป็นจริงในระยะกลาง และยังระบุด้วยว่า สหรัฐอเมริกาประมาณการว่าจีนได้ขายสินทรัพย์สกุลเงินต่างประเทศมากกว่า 4.80 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนเงินหยวน ตั้งแต่เดือนส.ค.ปีที่แล้ว จนถึงเดือนมี.ค.ปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ